10 สินค้าเทศกาลสงกรานต์
กสอ. ชี้อุตสาหกรรมไทยคึกคักช่วงสงกรานต์ ยอดขายโตกว่า 50 % พร้อมเผยกลยุทธ์พัฒนาภาคการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โชว์ศักยภาพอุตสาหกรรมไทยผ่าน ความคึกคักของการจับจ่ายใช้สอย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ใน ศูนย์ค้าส่งตลาดโบ๊เบ๊ ตลอดจนเผยข้อมูลสินค้ามาแรง 10 อันดับในช่วงหน้าร้อนนี้และช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้แก่ ดินสอพอง เสื้อลายดอกสีสด เสื้อกล้าม กางเกงเล รองเท้าฟองน้ำ ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายตลอดเดือนเมษายนเติบโตกว่า 50% ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ ผู้อำนวยการส่วนเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ สำนักพัฒนาผู้ประกอบการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์นี้ส่งผลให้ตลาดรวมของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกของสินค้าที่นำมาใช้ในช่วงเทศกาลมีความคึกคักมากขึ้น เพราะประชาชนเริ่มทยอยซื้อสินค้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลวันสงกรานต์ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศการซื้อขายสินค้าสำหรับช่วงเทศกาลดังกล่าว ประชาชนยังคงให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปีนี้ ช่วงวันที่ 13-15 เมษายนนี้ บรรยากาศการซื้อขายจะยิ่งคึกคัก เพราะเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายตลอดเดือนเมษายนเติบโตกว่า 50% จากช่วงปกติ ซึ่งตลาดการค้าส่งสินค้าพร้อมใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ภายในศูนย์ค้าส่งโบ๊เบ๊ ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และถือเป็นศูนย์กลางการค้าส่งสินค้าหลายประเภทที่มีศักยภาพ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงผลักดันให้ตลาดโบ๊เบ๊แผ่ขยายได้ต่อไปในวงกว้างสู่ประเทศแถบอาเซียน และกลายเป็นศูนย์กลางการค้าส่งสินค้าในอาเซียนได้ เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ได้
นายวิฤทธิ์ กล่าวว่า การพัฒนาการค้าส่งขอประเภทไทยนั้น เราต้องพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งระบบ ตั้งแต่ภาคการผลิต ต้องผลิตอย่างไร ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งในแง่รูปลักษณ์ ฟังชั้นการใช้งาน คุณภาพ รสนิยม ฯลฯ รวมไปถึง การผลิตอย่างไงให้ผลิตสอดคล้องกับ ระยะเวลาที่ตลาดต้องการ อันได้แก่ สินค้าที่มีความต้องการช่วงตามเทศ อาทิ โบ การ์ด ของขวัญ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปืนฉีดน้ำ ดินสอพอง ในช่วงเทศกาล สงกรานต์ ธูป เทียน ในช่วงเทศกาลทางพระพุทธศาสนา ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมได้ทั้งระบบ ผู้ประกอบการ ร้านค้า ก็จะสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตและสามารถแข่งขันได้
นายพระขรรชัย ศรีภวาทิกุล ประธานศูนย์บริการส่งออกโบ๊เบ๊ กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายอุปกรณ์เล่นน้ำในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ รวมถึงสินค้าที่นำมาใช้ในหน้าร้อนภายในตลาดโบ๊เบ๊มีประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการหลายราย ต่างลงความเห็นว่าปีนี้บรรยากาศซื้อขายอุปกรณ์เล่นน้ำสงกรานต์ยังคงคึกคักเหมือนทุกปีที่ผ่าน เนื่องจากคนไทยมีอุปนิสัยรักความสนุกสนาน และชาวต่างประเทศทยอยเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศยิ่งคึกคักมากขึ้น ภายในศูนย์ค้าส่งโบ๊เบ๊ มีทั้งผู้ซื้อที่เข้ามาซื้อสินค้าทั้งในรูปแบบสินค้าส่งและสินค้าปลีก ซึ่งราคาก็ปรับเปลี่ยนไปตามประเภท และจำนวนของสินค้า ซึ่งไม่ว่าลูกค้าต้องการอะไร ก็สามารถหาซื้อได้ในตลาดโบ๊เบ๊
โดยประเภทสินค้าที่ผู้ประกอบการลงความเห็นว่าขายดีติด 1 ใน 10 อันดับในช่วงหน้าร้อนนี้และช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้แก่ 1. น้ำอบ 2. ปืนฉีดน้ำ 3. ดินสอพอง 4. เสื้อลายดอกสีสด 5. เสื้อกล้าม 6. กางเกงเล 7.รองเท้าฟองน้ำ 8.ซองกันมือถือเปียกน้ำ 9. แป้งร่ำ 10. ถังน้ำขนาดเล็กหรือขัน ซึ่งสินค้าทั้งหมดที่กล่าวมา ยังคงขายในราคาเดียวกันหรือใกล้เคียงกับราคาที่ขายในปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนการผลิตยังไม่สูงมากนัก ทำให้ผู้ประกอบการ และพ่อค้าแม่ค้ายังขายสินค้าในราคาที่ไม่สูง อาทิ เสื้อลายดอกสีสด ราคาส่งเฉลี่ย ตัวละ 50-100 บาท ร้องเท้าฟองน้ำ ราคาส่งเฉลี่ย คู่ละ 20-70 บาท
สำหรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานภาครัฐ ได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ ตลอดจนวิสาหกิจชุมชนได้มีศักยภาพในการเข้าสู่การค้า การลงทุนในเขตประเทศอาเซียนได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งธุรกิจการค้าส่งสินค้าประเภทเสื้อผ้า รองเท้าแตะ ตลอดจนสินค้าขายส่งประเภทเบ็ดเตล็ด อาทิ ปืนฉีดน้ำ ถังน้ำขนาดเล็ก ฯลฯ กำลังเป็นสินค้าที่น่าจับตามอง สามารถพัฒนาให้สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าส่งติดอันดับในอาเซียนได้ ซึ่งสิ่งที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ต้องการเน้นย้ำ คือ การพัฒนาสินค้า รวมถึงนวัตกรรมที่ใช้ในการผลิตสินค้า เพื่อให้สินค้าส่งเหล่านี้ เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หากสินค้าดี ราคาดี มีประเภทของสินค้าให้เลือกจำนวนมาก ก็จะสามารถพัฒนาศูนย์ค้าส่งตลาดโบ๊เบ๊ให้กลายเป็นศูนย์กลางค้าส่งสินค้าในประเทศอาเซียนได้ และหากมีต้นทุนในการผลิตดี การจัดการในองค์กรดี ก็จะสามารถทำให้แข่งขันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีประเทศในแถบอาเซียนที่สามารถทำการค้า การลงทุนได้อย่างเสรี ซึ่งหากผู้ประกอบการไทย สามารถพัฒนาสินค้าได้เร็วกว่า ดีกว่า แน่นอนว่า ย่อมจะขายได้ดีกว่าและเร็วกว่าเช่นกัน นางบุญเจือ กล่าว
นายวิฤทธิ์ กล่าวว่า หากพิจารณาในรายละเอียดของการพัฒนาสินค้าส่งให้เข้าสู่เออีซี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เล็งเห็นว่า การรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ไทยต้องเตรียมทั้งรุกและรับ เพราะประเทศอื่นๆย่อมเสาะหาโอกาสจากการเปิดเสรีนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่จะผลักดันให้การแข่งขันทางการค้าเป็นไปอย่างราบรื่น คือ สินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ด้วยระบบการผลิตและระบบอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ ซึ่งรวมถึงระบบการบริหารจัดการ เครื่องจักร เทคโนโลยี ระบบสารสนเทศ ความรู้ การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล ระบบโลจิสติกส์ และการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งในขณะนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดทำโครงการต่างๆมากมาย อาทิ โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขาเพื่อรับมือเออีซี โครงการเจรจาและสำรวจตลาด ฯลฯ เพื่อให้ครอบคลุมศาสตร์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสินค้าและบริการไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งนโยบายด้านต่างๆ เป็นนโยบายที่จัดทำขึ้น เป็นนโยบายที่สามารถทำให้ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ วิสาหกิจชุมชนสามารถรับมือกับคู่แข่งในประเทศอาเซียน และอาเซียน +1 อย่างประเทศจีน ที่มีฐานและกำลังการผลิตที่ใหญ่มาก แต่ผู้ประกอบการไทยสามารถได้เปรียบได้ด้วยคุณภาพของสินค้าและบริการนั่นเอง