นายกฯมั่นใจคณะผู้แทนฝ่ายไทยหักล้างข้อกล่าวหา คดีปราสาทพระวิหารได้
ภายใต้หลักการที่ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นต่อคณะผู้แทนฝ่ายไทยที่จะทำหน้าที่ต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีการชี้แจงและตอบโต้ทุกประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาแถลงอ้างอิงและกล่าวหาฝ่ายไทย และขอให้ประชาชนคนไทยได้ร่วมรับฟังถ้อยแถลงอย่างมีสติ โดยเฉพาะถ้อยแถลงของฝ่ายไทยที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.)
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า กัมพูชากล่าวหาว่าไทยรุกรานนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งไทยจะต้องแสดงจุดยืนต่อศาลโลกให้ชัดเจน โดยเฉพาะการปะทะกันเกิดจากความเข้าใจผิด และไม่ได้เกิดเฉพาะบริเวณเขาพระวิหาร ทั้งนี้ก็ต้องชี้ให้เห็นว่า ไทยและกัมพูชา มีเอ็มโอยู 2543 ซึ่งกัมพูชาลงนามทำความตกลงไว้
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ชี้ว่า ถ้อยแถลงของกัมพูชา ทำให้เห็นถึงความต้องการของกัมพูชา ที่จะให้ศาลพิพากษาความถูกต้องในเส้นเขตแดน ตามแผนที่ 1 : 200,000 ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงของไทย ส่วนข้อเท็จจริงที่กัมพูชากล่าวอ้าง ว่ามีการคัดค้านการกั้นรั้วลวดหนามมาโดยตลอดนั้น ในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.) ต้องติดตามคำชี้แจงของคณะผู้แทนฝ่ายไทย ซึ่งเชื่อว่า มีข้อมูลหักล้างข้อกล่าวหาได้
ผศ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ประธานหลักสูตรรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เห็นว่า ไทยต้องกำหนดถ้อยแถลง เพื่อหักล้างฝ่ายกัมพูชาต่อศาลโลก อย่างรัดกุมและรอบด้าน โดยเฉพาะการโน้มน้าวให้ศาลโลก เชื่อได้ว่า กัมพูชาได้ยอมรับอาณาเขตที่รัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ล้อมรั้วลวดหนามไว้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกันไทยก็ต้องระมัดระวังที่จะทักท้วงอำนาจศาลโลก เพราะอาจไม่มีน้ำหนักที่เพียงพอ
นายไกรรวี ศิริกุล รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ถ้อยแถลงของกัมพูชาไม่ได้มีข้อกล่าวหาใหม่ โดยเฉพาะการกล่าวอ้างในกรรมสิทธิ์ต่ออาณาเขตบริเวณเขาพระวิหาร โดยคณะผู้แทนฝ่ายไทย ได้ตระหนักและเตรียมข้อมูลพยานหลักฐานไว้พร้อมแล้ว ซึ่งจะสามารถชี้ให้ศาลเห็นความถูกต้องชอบธรรม ตามคำพิพากษาที่ควรจะเป็นได้ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำหน้าที่ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่