ตัวแทนเพื่อไทย-ปชป. ชื่นชมทีมกฎหมายไทยแถลงด้วยวาจาคดีปราสาทพระวิหาร
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การแถลงด้วยวาจาของฝ่ายไทยต่อศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมาว่า ขอชื่นชมการทำงานของ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะผู้นำคณะฝ่ายไทย และฝ่ายกฎหมายของไทยอีก 3 คน โดยเฉพาะ น.ส.อลินา มิรอง ทนายฝ่ายไทย ที่ค้นคว้าเรื่องแผนที่ จนทำให้ไทยสามารถหักล้างคำกล่าวหาของกัมพูชา ที่อ้างมาตั้งแต่ปี 2505
นายชวนนท์ กล่าวว่า อยากให้ติดตามการทำงานของศาลโลก โดยที่ต้องให้ความสำคัญคือ ข้อ 60 ของข้อบังคับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ที่ระบุชัดว่า ศาลโลกไม่สามารถขยายคำพิพากษา หรือนำคำพิพากษาเดิมมาตัดสินใหม่ หรือเพิ่ม ขยายขอบเขต ของความหมายที่ตีความแล้ว สิ่งที่ศาลทำได้อย่างเดียวคือ เรื่องการตีความคำพิพากษา ซึ่งการจะตีความได้นั้น คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ต้องมีความเห็นต่างกันในเรื่องการตีความคำพิพากษา หรือในบทปฏิบัติการ
ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการแถลงปิดคดีเมื่อวานนี้ว่า พรรคเพื่อไทยขอขอบคุณทีมกฎหมายที่ทุ่มเทปกป้องดินแดน และไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไร ก็จำเป็นต้องน้อมรับ และหวังว่าผลการตัดสินจะออกมาในเชิงบวกให้ทั้งไทยและกัมพูชา และหวังว่า ไม่มีคนไทยกลุ่มใดอยากให้การตัดสินเป็นไปในทางลบ
ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊ค โดยมีเนื้อหาว่า คำแถลงการณ์ร่วมที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทำขึ้น ไม่ได้เป็นการยกพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรให้กัมพูชา ตามที่สื่อบางแห่งรายงาน แต่เพื่อป้องกันไม่ให้กัมพูชาได้พื้นที่ทับซ้อนนี้ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก ซึ่งหากกัมพูชาได้พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกตามคำแถลงการณ์ร่วมแล้ว กัมพูชาจะมายื่นตีความในศาลโลกเพื่อจะให้ได้ 4.6 ตารางกิโลเมตรไปเพื่ออะไร
ทั้งนี้รัฐบาลสมัยนั้น สนับสนุนให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท เพื่อให้กัมพูชาตัดพื้นที่ทับซ้อนออก ไม่นำไปขึ้นทะเบียน และในการแถลงด้วยวาจา ก็ไม่มีตอนไหนที่ทนายกัมพูชาอ้างว่า ได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรไป เพียงแต่ลำดับเหตุการณ์ที่รัฐบาลไทยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนตัวปราสาท