ทีมกฎหมายไทยสู้คดีปราสาทพระวิหาร เข้าพบนายกฯ วันนี้
วานนี้ (21 เม.ย.)คณะทำงานและทีมกฎหมายไทย นำโดย นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยทีมกฎหมายไทยมั่นใจในการทำหน้าที่แถลงด้วยวาจาต่อสู่คดีพระวิหารอย่างเต็มที่
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาก่อนเดินทางกลับ และได้ทำความเข้าใจกันว่าไม่ว่าคำตัดสินของศาลเป็นอย่างไร จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ไทย กัมพูชา เพราะได้แยกแยะเรื่องคดีและเรื่องความสัมพันธ์คนละส่วน และหลังจากนี้จะนำคำแถลงต่อศาลโลกมาตีพิมพ์อธิบายความให้ประชาชนเข้าใจขึ้น
ทั้งนี้ทนายความชาวต่างชาติซึ่งทยอยเดินทางมาในช่วงบ่ายวานนี้ ( 21 เม.ย.)คือ ศาสตราจารย์ โดนัลด์ เอ็ม แม็คเรย์,ศาสตราจารย์ เจมส์ ควอร์ฟฟอร์ด ส่วนศาสตราจารย์อแลงต์ แปลเล่ต์ และนางสวอลินา มิรอง จะเดินทางถึงในช่วงเช้าวันนี้ (22 เม.ย.) ก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสรุปการแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกในช่วงบ่ายก่อนที่จะแถลงข่าวร่วมกัน
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทางพรรคขอชื่นชมการทำงานของทีมทนายฝ่ายไทย ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และ ข้าราชการทหารที่ทำงานด้านแผนที่ ตลอดจนผู้ทำงานเบื้องหลัง ที่มีการเตรียมข้อมูลต่อสู้คดีเป็นอย่างดี ภายใต้การนำของเอกอัครราชทูตวีรชัย จากนี้ ขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการใน 3 กรณี คือ กระทรวงการต่างประเทศต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในทุกแง่มุม ต่อประชาชน ต้องระมัดระวัง ท่าทีของรัฐบาล เพื่อไม่ให้มีการนำพฤติกรรมใด ๆ ทั้งตรง ทางอ้อม ไปเป็นเหตุผลในการวินิจฉัยของศาลโลก และถึงแม้ว่าผู้นำไทย และกัมพูชา จะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกันก็ตามก็ต้องระมัดระวังท่าทีของกัมพูชา เป็นพิเศษด้วย ซึ่งนับจากนี้ จนถึงวันพิพากษา ขอให้นายกรัฐมนตรีตระหนักถึงท่าที เพื่อให้การพิจารณาคดีออกมาในทางที่เหมาะสม