ธนาคารโลกประเมินผล
ธนาคารโลกเปิดเผยผลประเมินบรรษัทภิบาลตลาดทุนไทยปี2555 ในรายงานเรื่อง การประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านบรรษัทภิบาล (The Report on the Observance of Standards and Codes: Corporate Governance Country Assessment)หรือ CG - ROSC ซึ่งปรากฏว่าตลาดทุนไทยมีพัฒนาการที่ดีในการยกระดับบรรษัทภิบาล และเป็นผู้นำในภูมิภาคโดยได้คะแนนสูงในทุกเรื่องที่สำคัญ
ซึ่งพัฒนาการดังกล่าวนี้ได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน อีกทั้งยังเป็นการรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ถือหุ้นรายย่อย เพิ่มความเป็นมืออาชีพให้กับคณะกรรมการบริษัท และยกระดับความโปร่งใสของกิจการ อย่างไรก็ดี ตลาดทุนไทยยังสามารถปรับปรุงการดำเนินการด้านบรรษัทภิบาลได้อีกหลายด้านเพื่อให้ทัดเทียมสากลมากยิ่งขึ้น ดังนี้
การยกระดับธรรมาภิบาลของรัฐวิสาหกิจและปรับปรุงบทบาทภาครัฐในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นการส่งเสริมความเป็นอิสระและประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแลให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เกี่ยวกับการเยียวยาผู้ถือหุ้น ซึ่งรวมถึงการเพิ่มบทบาทของ ก.ล.ต.ในเรื่องดังกล่าว การมีมาตรการให้บริษัทจดทะเบียนปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีสากลอย่างเต็มรูปแบบและเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วนรวมทั้งข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงิน การกำหนดแนวทางให้ชัดเจนเพื่อสร้างความเป็นอิสระของผู้สอบบัญชีและการดำเนินงานของตัวกลางในตลาดทุนการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างให้คณะกรรมการบริษัทมีความเป็นอิสระและดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การประเมินผลบรรษัทภิบาลในครั้งนี้ ตลาดทุนไทยได้คะแนน 82.83 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยได้คะแนนสูงสุดในหมวดการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส ซึ่งธนาคารโลกเห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลในรายงานประจำปีของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่เป็นไปตามมาตรฐานสากล อีกทั้งมีช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนที่ทำให้ผู้ลงทุนรับทราบได้หลายช่องทางและในเวลาที่เหมาะสม พร้อมกันนี้ยังได้ปรับปรุงและออกกฎหมายและหลักเกณฑ์หลายฉบับ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้านบรรษัทภิบาล อาทิ การกำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถือหุ้น และการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการบริษัท เป็นต้น
นายเดวิด โรบิแนท ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านการพัฒนาภาคเอกชน ธนาคารโลก กล่าวว่า ผลการประเมินให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นผู้นำด้านบรรษัทภิบาลในภูมิภาคเอเชียและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ทั้งนี้ โดยไทยต้องส่งเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ก.ล.ต. และ ธปท. รวมถึงยกระดับธรรมาภิบาลของรัฐวิสาหกิจให้สูงขึ้น เพื่อที่จะรักษาความเป็นผู้นำดังกล่าวไว้
นายคอนสแตนติน ชิโคซี่ รักษาการผู้อำนวยการ ธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย กล่าวว่า ไทยมุ่งมั่นและพยายามในการปฏิรูปบรรษัทภิบาลตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อมุ่งไปสู่มาตรฐานสากลอย่างเต็มรูปแบบอัน ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างมากในการยกระดับบรรษัทภิบาลโดยรวม สมควรให้เป็นที่ยอมรับและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ผลการประเมินของปี 2555 เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงบรรษัทภิบาลของตลาดทุนไทยที่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเกิดจากความพยายามของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขกฎหมาย กฎเกณฑ์ และปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้เพื่อให้การกำกับดูแลกิจการของตลาดทุนไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่ความสำเร็จในครั้งนี้จะเป็นความสำเร็จได้อย่างแท้จริง หากทุกฝ่ายร่วมปรับปรุงและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางอีกหลายด้านให้ดีขึ้นไปอีก จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนยิ่งขึ้นโดยใช้ความมุ่งมั่นและความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ตลาดทุนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยเข้าร่วมโครงการ CG- ROSC ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 นับเป็นความท้าทายสำคัญในการยกระดับบรรษัทภิบาล ของตลาดทุนไทยให้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งการส่งเสริมและพัฒนาบรรษัทภิบาลของบริษัทจดทะเบียนนั้นเป็นนโยบายหลักที่สมาคมฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนไทยมีการพัฒนาไปมากจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างผลจากการประเมิน CG-ROSC ที่ดีในครั้งนี้ เป็นผลจากความทุ่มเทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทจดทะเบียนที่เห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว และจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อบริษัทจดทะเบียนในการนำข้อเสนอแนะของธนาคารโลกไปใช้ในการปรับปรุงจุดอ่อนพัฒนาจุดแข็งให้ดียิ่งขึ้นต่อไป”