ตำรวจมาเลเซียเตรียมตั้งข้อหา
ตำรวจมาเลเซียแถลงในวันนี้ (9 พ.ค.2556) ว่าแกนนำที่ขึ้นพูดในการรวมตัวประท้วงต่อต้านผลการเลือกตั้ง นำโดยฝ่ายค้านของมาเลเซียเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.2556) อาจถูกตั้งข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบในประเทศ ซึ่งผู้บังคับการตำรวจรัฐซาลังงอ ที่ตั้งของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ระบุว่า อาจมีผู้ถูกดำเนินคดีถึง 33 คน แต่ไม่ชัดเจนว่าในจำนวน รวมถึงนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นผู้เรียกร้องให้ประชาชนรวมตัวประท้วงด้วยหรือไม่ ซึ่งข้อกล่าวหาปลุกปั่นยุยงให้เกิดความไม่สงบในประเทศ เป็นข้อกล่าวหาหนัก โทษสูงสุดจำคุกถึง 5 ปี
ด้านฝ่ายค้านของมาเลเซีย ได้ออกมาแถลงตอบโต้และประนามว่าการเตรียมดำเนินคดีเป็นการข่มขู่ทางการเมือง เพื่อให้ฝ่ายค้านสงบเรื่องการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5 พ.ค.2556) ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าถูกขโมยชัยชนะ
ขณะที่นายอันวาร์ ได้ประกาศระหว่างการชุมนุมใหญ่ที่สนามกีฬาชานกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.2556) ว่าไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และจะเดินหน้าจัดการประท้วงในเมืองต่างๆทั่วประเทศ เริ่มจากรัฐปีนังในวันเสาร์นี้ (11 พ.ค.2556) พร้อมทั้งประนามว่ารัฐบาลแนวร่วมแห่งชาติบาริซัน ว่าเป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งฝ่ายค้านจะเปิดเผยหลักฐานประกอบข้อกล่าวหาโกงการเลือกตั้ง
ผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5 พ.ค.2556) แม้ว่าพรรคอัมโน่และพรรคการเมืองในแนวร่วมแห่งชาติบาริซัน จะชนะการเลือกตั้งเหนือแนวร่วมปากาตัน รัคยัต ซึ่งเป็นแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านด้วยคะแนน 133 ต่อ 89 ที่นั่ง แต่ฝ่ายรัฐบาลสูญเสียที่นั่งในสภาร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองมาเลเซีย และสะเทือนถึงเก้าอี้ประธานพรรคอัมโน่ของนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรี เนื่องจากไม่สามารถนำพาพรรคให้ได้รับคะแนน 2 ใน 3 ของสภาได้
การเลือกตั้งครั้งนี้ เผยให้เห็นรอยร้าวลึกในด้านชาติพันธุ์ของมาเลเซีย เนื่องจากครั้งนี้พรรครัฐบาล สูญเสียเสียงสนับสนุนของกลุ่มชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนให้กับพรรค DAP ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มุ่งปกป้องผลประโยชน์ของคนเชื้อสายจีนและเป็นแนวร่วมฝ่ายค้านมากที่สุด กระทั่งมีการเปรียบเทียบว่าเป็นสึนามิทางการเมืองของคนเชื้อสายจีน
และแสดงให้เห็นว่าการดำเนินนโยบายมาเลเซียวัน หรือการหลอมรวมเป็นหนึ่งของคนมาเลเซีย ของนายนาจิ๊บ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถสร้างความเท่าเทียมและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวให้เกิดขึ้นในชาติได้ ซึ่งนายนาจิ๊บ และบรรดาแกนนำแนวร่วมบาริซัน ได้ยอมรับและบอกว่าจะปรับปรุงแก้ไข เพื่อดึงฐานเสียงคนจีนให้กลับมาสนับสนุนพรรคอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกัน คนมาเลเซียเชื้อสายจีนไม่พอใจกับคำเปรียบเปรยเรื่องสึนามิคนเชื้อสายจีน เพราะมองว่าคงแสดงให้เห็นถึงทัศนคติการแบ่งแยกทางเชื้อสาย ทั้งๆที่ทุกคนเป็นชาวมาเลเซียเหมือนกัน และมีสิทธิที่จะเลือกพรรคการเมืองที่ตัวเองต้องการ พร้อมทั้งเห็นว่า ไม่ควรนำเรื่องเชื้อชาติเข้ามาขยายผลเป็นประเด็นทางการเมืองอีกต่อไป ซึ่งทำให้ความขัดแย้งอีก