นายกฯสั่งทำตัวเลขผลขาดทุน
นายกรัฐมนตรีสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับโครงการรับจำนำข้าว เร่งทำตัวเลขผลขาดทุนที่ชัดเจน ชี้แจงให้สาธารณชนโดยเร็ว หลังสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ หรือมูดี้ส์ ออกมาระบุว่าความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว จะเป็นปัจจัยลบต่อความน่าเชื่อถือ ของประเทศไทย
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส หรือมูดี้ส์ ประเมินว่า กรณีที่รัฐบาลใช้งบประมาณในโครงการรับจำนำข้าว สูงกว่าที่ธนาคารโลกประเมินไว้ที่ 150,000 ล้านบาท
อาจกระทบความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในอนาคต และหากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการต่อ ก็จะส่งผลต่อการขาดดุลงบประมาณ และเป้าหมายการจัดทำงบประมาณแบบสมดุล ในปี 2560 ซึ่งวันนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับโครงการรับจำนำข้าว เร่งทำตัวเลขการขาดทุนให้ชัดเจน และชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่น ต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อมูล วีธีการคำนวณผลการขาดทุนจากโครงการรับจำนำ หลังคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร เปิดเผยว่า โครงการรับจำนำข้าว ขาดทุนสะสมกว่า 2 แสน 6 หมื่นล้านบาท
นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เห็นว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะทำงานตรวจสอบผลการขาดทุน เพราะสะท้อนความไม่เชื่อมั่น ข้อมูลของคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งมีหน่วยงานที่รัฐบาลตั้งขึ้นร่วมเป็นคณะทำงาน ขณะที่ทีดีอาร์ไอ ประเมินผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำ เฉลี่ยต่อปีน่าจะอยู่ที่ 170,000 ล้านบาท
นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน.ระบุว่า การประเมินตัวเลขผลขาดทุน โครงการรับจำนำข้าว จะประเมินได้ชัดเจน ก็ต่อเมื่อมีการระบายข้าวออกไป ซึ่งขณะนี้ยังมีข้าวรอการระบายอยู่มากและงบประมาณที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ยังไม่กระทบต่อตัวเลขหนี้สาธารณะ โดยเมื่อเดือนมีนาคม หนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 44 ไม่เกินร้อยละ 60 ของกรอบวินัยการคลัง