การผลักดัน
ผู้นำหมู่บ้าน ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เสนอให้ภาครัฐ เปิดจุดผ่านแดนขึ้นในพื้นที่เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศไทย-ลาว หลังขุดพบ พระพุทธรูป ขนาดใหญ่ กลางแม่น้ำโขง บริเวณตรงข้ามอ.เชียงแสน ขณะที่กองโบราณคดีลาว เตรียมบูรณะพระพุทธรูป และก่อสร้างพิพิธภัณท์ เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุ จำนวนมาก เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์
เปลวรัศมีขององค์พระนวล้านตื้อเป็นหนึ่งในโบราณวัตถุ ที่ทีมค้นหา และเก็บกู้องค์พระพุทธรูปโบราณของทางการลาว ขุดค้นได้ในแม่น้ำโขงบริเวณบ้านร่มเย็น เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ตรงข้ามบ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หลังชาวประมงพบส่วนบ่าของพระพุทธรูปโบราณซึ่งสร้างด้วยอิฐ และปูนขนาดใหญ่จมอยู่ใต้พื้นทรายโดยบังเอิญ ก่อนจะมีตั้งชุดขุดค้นอย่างจริงจัง จนสามารถยกพระพุทธรูป หน้าตักกว้างกว่า 6 เมตร ขึ้นมาจากน้ำโขงได้ พร้อมพระเครื่อง และข้าวของเครื่องใช้โบราณเป็นจำนวนมาก
ไม่เพียงชาวลาว จะตื่นเต้นยินดีกับการค้นพบพระพุทธรูปในลำน้ำโขง ชาวไทยในอ.เชียงแสน ก็ให้ความสนใจไม่แพ้กัน โดยบางส่วนเสนอให้ภาครัฐ เปิดเป็นจุดผ่านแดน เพื่อพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ
ก่อนหน้านี้ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแซว ร่วมกับ อ.เชียงแสน เคยจัดการท่องเที่ยวสองฝั่งโขงเมืองเชียงแสน และเมืองสุวรรณโคมคำมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับความสนใจมากนัก การค้นพบโบราณวัตถุครั้งนี้ จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เพราะทั้งเมืองสุวรรณโคมคำ และเมืองเชียงแสน ถือเป็นเมืองโบราณที่เป็นรากเหง้าของคนลาว ในแถบลุ่มแม่น้ำโขงและชาวล้านนาทางตอนเหนือของประเทศไทย