ผู้ค้ายาสูบ โวยสธ. ยื่นดำเนินคดี อ้างเหตุไม่เล่นตามกฎ ออกประกาศภาพขยายภาพคำเตือนสุขภาพ
สมาคมการค้ายาสูบไทยในฐานะตัวแทนผู้ค้าปลีก 1,400 รายทั่วประเทศประกาศการยื่นเรื่องร้องขอให้ศาลปกครองพิจารณายกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขบังคับเพิ่มขนาดภาพคำเตือนสุขภาพซึ่งเป็นการออกกฎหมายที่ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
โดยมีร้านค้าส่งและร้านค้าปลีกยื่นสำนวนคดีร่วมกับสมาคมการค้ายาสูบไทย และมีฟิลลิปมอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ดยื่นสำนวนคดีในเรื่องเดียวกันโดยประเด็นปัญหาจากเรื่องนี้มาจากประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่บังคับใช้ขนาดภาพคำเตือนสุขภาพใหม่ให้มีพื้นที่บนซองบุหรี่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังถึงร้อยละ85 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตัดสินใจออกกฎหมายโดยไม่เปิดเผยเพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างซึ่งด้านร้านค้าปลีกจำนวนหลายแสนรายซึ่งจะได้รับผลกระทบจากกฎหมายดังกล่าวมากที่สุดกลับไม่ได้มีส่วนให้ความเห็นและการบังคับใช้กฎหมายนี้ยังดำเนินการโดยเกินขอบเขตอำนาจตามกฎหมาย
นางวราภรณ์ นะมาตร์ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทยกล่าวว่า “กระทรวงฯปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเรา ทั้งๆที่กฎหมายนี้จะสร้างความลำบากยุ่งยากให้เรามากขึ้นในการค้าขายภาพคำเตือนสุขภาพขนาดที่ใช้อยู่ปัจจุบันในไทยก็นับว่าใหญ่เป็นลำดับต้นของโลกซึ่งทุกคนโดยทั่วไปทราบในเรื่องอันตรายด้านสุขภาพจากการสูบบุหรี่กันแล้ว สมาคมฯจึงไม่เห็นถึงความจำเป็นในการออกกฎบังคับให้ใช้ภาพขนาดใหญ่กว่าเดิมซึ่งครั้นแต่จะให้ร้านค้าที่ทำมาหากินต้องมีความยากลำบากในการทำงานมากขึ้นร้านค้าก็เป็นกลุ่มที่ทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพและเราก็ปฏิบัติตามกฎต่างๆดังนั้นกระทรวงฯ ก็ควรปฏิบัติตามกฎบ้างไม่ควรที่จะมาออกกฎหมายอะไรแบบลับหลังอย่างนี้ เรามีสิทธิ์ออกเสียงให้ความเห็นซึ่งส่วนนี้เป็นเหตุผลที่เราร้องขอให้ศาลเข้ามาช่วยเหลือ
สมาคมการค้ายาสูบไทยคาดว่ากฎหมายใหม่นี้จะนำมาสู่ความยุ่งยากต่างๆแก่ร้านค้า อาทิ
- ต้นทุนการบริหารจัดการที่เพิ่มสูงขึ้น
- แนวโน้มที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนหันไปหายาเส้นมวนเองที่ราคาถูกและมีผลต่างรายได้ที่ต่ำกว่าซึ่งกฎระเบียบภาพคำเตือนใหม่นี้ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงยาเส้นมวนเองซึ่งคิดเป็นประมาณเกือบร้อยละ 50 ของยาสูบที่จำหน่ายในประเทศไทย
- เพิ่มความต้องการสินค้าจากตลาดมืดเนื่องจากสามารถหาซื้อสินค้าที่มีภาพคำเตือนขนาดเล็กกว่าหรืออาจไม่มีภาพคำเตือนเลยซึ่งยังสามารถหาซื้อได้ในราคาถูกที่ลงเป็นการส่งเสริมกลุ่มธุรกิจตลาดมืดให้มีกำไรในการขายมากขึ้น โดยร้านค้าปลีกไม่ได้เป็นเพียงผู้เกี่ยวข้องกลุ่มเดียวที่ถูกเพิกเฉยในการออกฎกระทรวงดังกล่าวในกระบวนการออกกฎหมายนี้ไม่ได้มีกระทรวงอื่นๆที่ควรได้รับการหารือได้มีส่วนร่วมแต่อย่างใด อีกทั้งกลุ่มผู้สูบบุหรี่วัยผู้ใหญ่ร้านค้าส่ง ตัวแทนจำหน่ายสินค้า ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้ที่จะได้รับภาระจากกฎหมายนี้ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการออกกฎหมายนี้เลย
นายดนัย สุรวัฒนาวรรณ เจ้าของร้านสหการค้าผู้ประกอบการร้านค้าส่งจากจังหวัดเชียงใหม่ ให้ความเห็นในการดำเนินการทางกฎหมายครั้งนี้ว่า “รัฐบาลควรจะรับฟังความเห็นจากทุกด้านก่อนที่จะตัดสินใจออกกฎหมายที่จะมากระทบประชาชนสิ่งนี้เป็นพื้นฐานที่พึงกระทำแต่กระทรวงฯกลับไม่รับฟังและกลับมาใช้อำนาจที่ไม่เคยได้รับมาก่อนมาตัดสินใจทำเรื่องใหญ่โดยไม่หารือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องหรือพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจที่จะโดนกระทบเลย ซึ่งผมรู้สึกไม่พอใจได้ที่ถูกเลือกปฏิบัติแบบนี้ โดยถูกปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นดังนั้นผมจึงต้องขอความเป็นธรรมทางชั้นศาล ให้ศาลพิจารณาช่วยเหลือ
ประเด็นสำนวนคดีจากสมาคมฯเป็นเรื่องของการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเกินขอบเขตอำนาจของกระทรวงฯภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมการผลิตภัณฑ์ยาสูบ ด้วยการออกประกาศกระทรวงฯ ที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายหลักที่สูงกว่านอกจากนั้นยังละเมิดกระบวนการพิจารณากฎหมายที่ถูกต้องของไทยเพราะได้กีดกันไม่ให้ผู้ที่จะได้รับผลกระทบได้ให้ความเห็นนอกจากนั้นยังไม่ได้มีการประเมินผลกระทบเชิงลบที่จะเกิดขึ้นจากกฎหมายดังกล่าวโดยประเด็นคดีนี้แสดงให้เห็นว่า ประกาศกระทรวงฯฉบับดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ไม่สมเหตุสมผล มีการกีดกันไม่ให้ภาคธุรกิจสามารถการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมอีกทั้งยังเพิกเฉยต่อการปกป้องตราสินค้าภายใต้กฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ
ด้าน ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ให้ความเห็นในการยื่นสำนวนคดีของทางบริษัทฯ ว่า“เนื่องด้วยผลกระทบด้านลบที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องหมายการค้าและบรรจุภัณฑ์สินค้าของเราและการที่กระทรวงสาธารณสุขเพิกเฉยกับความเห็นของร้านค้าที่จะได้รับผลกระทบหลายแสนรายเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองให้ช่วยพิจารณากฎหมายนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเพิ่มความตระหนักความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่อย่างที่ควรเพราะกระทรวงฯปล่อยให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบอีกครึ่งนึงที่ขายในไทยไม่ต้องถูกบังคับใช้กฎหมายนี้ซึ่งพิจารณาแล้วมันไม่สมเหตุสมผล โดยเรามองว่ากฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อลงโทษผู้ประกอบการกระทรวงฯ ควรรับฟังทุกภาคส่วนตามข้อปฏิบัติของกฎหมายก่อนที่จะออกกฎหมายที่ไม่สมเหตุสมผลที่จะทำให้สภาพแวดล้อมของตลาดต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง”น.ส. อรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารและกิจการภายนอก ฟิลลิป มอร์ริส(ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด กล่าวสรุป
ทั้งสมาคมฯพร้อมด้วยตัวแทนร้านค้า และ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ดจะทำการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายภายในวันที่ 4กรกฎาคม พ.ศ. 2556 โดยคาดว่าจะทราบผลการตัดสินคดีภายใน 10 -14 เดือน
ข้อมูลการบังคับใช้ข้อความและภาพคำเตือนสุขภาพบนซองบุหรี่ในประเทศไทย
พ.ศ. 2517: บังคับใช้ข้อความคำเตือนสุขภาพครั้งแรกบนบริเวณข้างซองโดยไม่ระบุลักษณะและขนาดของตัวอักษร
พ.ศ. 2532: บังคับใช้ข้อความคำเตือนสุขภาพบริเวณด้านหน้าซองเท่านั้น ขนาดตัวอักษร 2x2 มิลลิเมตร
พ.ศ. 2535: บังคับใช้ข้อความคำเตือนสุขภาพบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของซอง บนพื้นที่ร้อยละ 25บริเวณด้านล่างของซอง กำหนดตัวอักษรสี่พระยาขนาด 16 พอยต์
พ.ศ. 2540-2547: บังคับใช้ข้อความคำเตือนสุขภาพบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของซองบนพื้นที่ร้อยละ 33.3 บริเวณด้านบนของซอง กำหนดตัวอักษรสี่พระยาขนาด 20 พอยต์
พ.ศ. 2548: บังคับใช้ภาพคำเตือนสุขภาพ 4สีบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของซองครั้งแรกในประเทศไทย พื้นที่ร้อยละ 50 ของซองซึ่งเป็นประเทศที่ 4 ของโลกที่มีการบังคับใช้ภาพคำเตือน
พ.ศ. 2549: บังคับใช้ข้อความคำเตือนสุขภาพบริเวณข้างซอง บนพื้นที่ร้อยละ 50 ของซอง
พ.ศ. 2553: บังคับใช้ภาพคำเตือนสุขภาพ 4 สีบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของซอง บนพื้นที่ร้อยละ55 ของซอง ซึ่งภาพคำเตือนที่ใช้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของโลก
พ.ศ. 2554: บังคับใช้ข้อความคำเตือนสุขภาพบริเวณข้างซอง บนพื้นที่ร้อยละ 60 ของซอง