แผนยุทธศาสตร์ปราบไอเอสของกองทัพสหรัฐฯ ในอิรักล้มเหลว
การแตกพ่ายของกองกำลังรักษาความมั่นคงอิรักที่ต้องล่าถอย หลังถูกนักรบของกลุ่มไอเอสโหมโจมตีและยึดเมืองรามาดี เมืองเอกของจังหวัดอันบาร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดของอิรักไว้ได้ ทั้งๆ ที่สหรัฐและชาติพันธมิตรเปิดการโจมตีทางอากาศถล่มที่มั่นของกลุ่มไอเอสมากกว่า 60 ครั้งในช่วงเดือนเมษายน 2558
นอกจากนี้เมื่อปี 2557 กองทัพสหรัฐฯ ยังเริ่มฝึกการใช้อาวุธและยุทธวิธีให้กับทหารกองทัพรัฐบาลอิรักและนักรบของชนเผ่าสุหนี่ ดังนั้นความปราชัยที่เกิดขึ้นในเมืองรามาดีจึงเป็นความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์อย่างสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในการปราบปรามกลุ่มไอเอสในอิรัก และยังก่อให้เกิดคำถามถึงศัยกภาพของกองทัพอิรักในการดูแลรักษาความมั่นคงให้กับประเทศ
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การสูญเสียเมืองรามาดีให้กับกลุ่มไอเอสเป็นการบั่นทอนนโยบายการทำสงครามปราบปรามกลุ่มไอเอสของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ เพิ่งจะเปิดเผยว่า กลุ่มไอเอสกำลังสูญเสียฐานที่มั่นและความได้เปรียบในสมรภูมิ
ด้านผู้นำอิรักต้องหันไปพึ่งพาความช่วยเหลือจากนักรบชนเผ่าของนิกายชีอะห์ที่กำลังเคลื่อนพลมุ่งหน้าไปที่เมืองรามาดีเพื่อยึดเมืองกลับคืนจากกลุ่มไอเอส แต่การกระทำดังกล่าวสร้างความวิตกให้กับสหรัฐฯ อีกครั้งถึงความเชื่อมั่นของชุมชนชาวสุหนี่ที่มีต่อรัฐบาล และการเข้ามามีอิทธิพลของอิหร่าน ซึ่งเป็นชาติคู่ปรปักษ์กับสหรัฐฯ
นายจิม ฟิลิปปินส์ แห่งสถาบันเฮอริเทจ ฟาวเดชั่น ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า การที่รัฐบาลอิรักส่งนักรบชีอะห์ไปยึดเมืองรามาดีคืนจากกลุ่มไอเอสเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอิรักไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอจากชาติอาหรับนิกายสุหนี่ในการปราบปรามกลุ่มไอเอส
เมืองรามาดีถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญเมืองแรกของอิรักที่ตกอยู่ในความควบคุมของกลุ่มไอเอสนับตั้งแต่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเริ่มเปิดการโจมตีทางอากาศในอิรักเมื่อเดือนสิงหาคม 2557