ปชป.เดินหน้ารวมรายชื่อ ส.ส. ยื่นถอดถอน "ครม.ทั้งคณะ" เหตุโครงการน้ำไม่โปร่งใส

 

โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตามที่นายพงษ์ภาณุ หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ได้อ้างว่า ได้รับการมอบอำนาจจาก นายกิตติรัตน์ ได้ทำการลงนามในสัญญาเงินกู้ กับธนาคาร 4 แห่ง วงเงินรวม 324,606 ล้านบาทไปแล้ว ภายหลังจากที่ศาลปกครองกลาง ได้อ่านคำพิพากษา ที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นให้พิจารณาการดำเนินการของนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กยน. คณะกรรมการ กนอช. และคณะกรรมการ กบอ.

 

นายศรีสุวรรณระบุว่า การกระทำของบุคคลทั้งสอง เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 165 โดยชัดแจ้ง ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ามีคำพิพากษาอันเป็นคำสั่งของศาลปกครองกลาง อันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของหน่วยงานผู้บังคับบัญชาของทั้งสอง

    

 

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงกรณีที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กบอ. ขอให้นักวิชาการ และฝ่ายค้าน ให้ความร่วมมืออย่าคัดค้าน การดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วย และพร้อมให้ความร่วมมือกับการบริหารจัดการน้ำ แต่คัดค้านการใช้ปัญหาน้ำท่วม เพราะเป็นข้ออ้างแสดงหาผลประโยชน์โดยมิชอบให้ตัวเอง และพรรคพวก

 

ดังนั้น จึงไม่พร้อมที่จะร่วมมือการทุจริตทำผิดกฎหมาย และเป็นเหตุผลที่พรรคต้องรวบรวมรายชื่อ ส.ส. ยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เพราะทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และการไม่กำหนดราคากลางให้เป็นไปตาม และไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามการเสนอราคากลาง ของ ป.ป.ช. รวมทั้งไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 (2) และมาตรา 67 (2)

 

ส่วนกรณีที่รัฐบาลประกาศจะรับฟังความคิดเห็นประชาชน และทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ และทำการศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพ หรือ เอชไอเอ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือนนั้น เชื่อว่าเป็นไปได้ยาก เพราะตามรัฐธรรมนูญ ระบุว่า รัฐบาลต้องรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง