ประธานาธิบดีอียิปต์เรียกร้องทุกฝ่ายเจรจาหาทางออกร่วมกัน
การประท้วงในกรุงไคโรเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.2556) มีผู้ประท้วงบางส่วนโจมตีที่ทำการใหญ่ของพรรคภราดรภาพมุสลิม ซึ่งเป็นพันธมิตรของรัฐบาล ด้วยการขว้างระเบิดเพลิงใส่อาคาร และมีรายงานว่ามีการยิงปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของที่ทำการพรรค ส่วนที่จตุรัส"ทารีร์" ซึ่งเหมือนศูนย์กลางการชุมนุมขับไล่ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มูร์ซี มีผู้ประท้วงประมาณ 300,000 คน ที่ตะโกนขับไล่นายมูร์ซี ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ชาวอียิปต์ขับไล่อดีตประธานาธิบดีฮอสนี่ มูบารัค เมื่อปี 2554 ส่วนฝั่งรัฐบาล โฆษกของประธานาธิบดีแถลงเรียกร้องให้จัดการเจรจาระดับชาติ เพื่อร่วมกันหาทางออกเรื่องนี้ ในขณะเดียวกันได้เตือนต่างชาติว่าไม่ควรเข้ามาแทรกแซง เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาในประเทศ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน ในจำนวนนี้มีชาวอเมริกันรวมอยู่ด้วย 1 คน
ด้านนายมูร์ซีระบุว่า การเคลื่อนไหวเพื่อกดดันรัฐบาลในครั้งนี้ มีกลุ่มผู้ที่ภักดีต่อนายมูบารัคอยู่เบื้องหลัง ส่วนสาเหตุของการประท้วงขับไล่นายมูร์ซี เนื่องจากประชาชนบางส่วนเห็นว่าเขาพยายามรวบอำนาจไว้กับตัวเอง และให้พรรคภราดรภาพมุสลิมซึ่งเป็นพันธมิตรสูงในรัฐบาล นอกจากนี้เห็นว่าการบริหารประเทศไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาไฟฟ้าดับ,น้ำมันเชื้อเพลิงขาดแคลน,สินค้าราคาแพง และปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยมีการประเมินว่ามีประชาชนทั่วประเทศออกมาร่วมชุมนุมมากกว่า 1 ล้านคน
ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีหลายพันคน ชุมนุมที่สุเหร่าในกรุงไคโร เพื่อให้กำลังใจรัฐบาล โดยมองว่าข้อเรียกร้องที่ให้นายมูร์ซีลาออก เป็นการทำลายประชาธิปไตย เพราะนายมูร์ซีถือเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเสรีคนแรก การกดดันแบบนี้เหมือนเป็นการปฏิวัติ ส่วนเรื่องการบริหารประเทศ และเศรษฐกิจที่ไม่ดีเหมือนประชาชนคาดหวัง ต้องเข้าใจว่า ปัญหาของประเทศสั่งสมมานานหลายสิบปี การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่าย และนายมูร์ซีเองเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศได้เพียง 1 ปีกว่าๆ เท่านั้น จึงต้องการให้นายมูร์ซีอยู่ทำงานจนครบวาระถึงปี 2559 หรืออีก 3 ปีจากนี้