แผนการลดและยกเลิกใช้แร่ใยหินไครโซไทล์
กระทรวงอุตสาหกรรมจะผลักดัน แผนการลดและยกเลิกใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ ในสินค้าอุตสาหกรรม ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ทำใหเเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ กับ รายละเอียดบางส่วนของแผนยกเลิก
นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ชี้แจงว่า แผนฉบับนี้เป็นแนวทางยกเลิกใช้แร่ใยหินกับสินค้า 5 รายการ ได้แก่ กระเบื้องแผ่นเรียบและกระเบื้องยางปูพื้น ซึ่งให้ยกเลิกใช้ภายใน 2 ปี เพราะมีผลิตภัณฑ์อื่นและวัสดุทดแทนแร่ใยหิน
ส่วนผ้าเบรกและคลัตช์ ท่อซีเมนต์ใยหิน และกระเบื้องมุงหลังคา กำหนดให้ยกเลิกใช้แร่ใยหินภายใน 5 ปี เพราะสินค้าเหล่านี้ กระทบผู้บริโภคเพราะวัสดุทดแทนมีราคาแพง และยืนยันว่าการจัดทำแผนคำนึงผลกระทบทั้งเศรษฐกิจ สังคม ข้อกฎหมาย และรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้ง
โดยมีรายงานว่าวันที่ 24 ก.ค.2556 กระทรวงสาธารณสุข จะสรุปว่า แร่ใยหินมีผลกระทบต่อสุขภาพหรือไม่ ขณะที่ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ตั้งข้อสังเกตว่า แผนยกเลิกใช้แร่ใยหินในสินค้าบางประเภทยังไม่เหมาะสม เช่น กระเบื้องมุงหลังคา ที่ผู้ผลิตบางรายยังไม่ยกเลิกใช้แร่ใยหิน
ปัจจุบันผู้ผลิตกระเบื้องมุงหลังคารายใหญ่4 ราย ได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ประเภทกระเบื้องซีเมนต์ที่ไม่ใช้แร่ใยหิน ย่อมหมายถึงว่าทุกบริษัทสามารถผลิตสินค้าไม่มีแร่ใยหินออกมาจำหน่ายได้ทั้งหมด แต่อาจมีเหตุผลทางธุรกิจที่ทำให้บางรายยังใช้แร่ใยหินเป็นวัสดุในการผลิต
ปัจจุบันยังมีการนำเข้าแร่ใยหินไครโซไทล์ กว่า 50,000ตัน จากที่เคยนำเข้าถึง 200,000 ตันมากกว่าร้อยละ 90 กระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือกระเบื้องลอน โดยตลาดกระเบื้องลอนมีมูลค่าปีละ 10,000 ล้านบาท ทั้งผลิตเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ยังมีกระเบื้องลอนใช้แร่ใยหินอยู่เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ผู้ผลิตสินค้าส่วนหนึ่ง เปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบอื่นแทนแร่ใยหินแล้ว แต่ยังมีบางกลุ่มที่ยืนยันถึงความจำเป็นของแร่ใยหินที่มีความคงทนและราคาถูกกว่าวัสดุทดแทน