มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แนะรัฐแก้ไขปัญหาสารตกค้างในข้าวอย่างจริงจัง
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงถึงกรณีที่ผู้บริหารระดับสูง ทั้งภาคการเมือง ภาคราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องของรัฐ ตั้งคำถามเกี่ยวกับผลการตรวจสอบสารตกค้างในข้าว ที่เครือข่ายภาคประชาชนหลายหน่วยงาน ร่วมกันเปิดเผยผลการตรวจสอบไปก่อนหน้านี้
โดย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เห็นว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการเบี่ยงเบนสาระสำคัญของปัญหาข้าว พร้อมยืนยันว่า มูลนิธิทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคมาเกือบ 30 ปี เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ทำงานด้วยหลักวิชาการ เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้
สำหรับข้อกล่าวหาหนึ่งของ นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่า การตรวจสอบสารตกค้างครั้งนี้ เป็นการตรวจหลังบ้าน ถือเป็นเรื่องที่ดูถูกองค์กรผู้บริโภค เพราะทุกครั้งของการเปิดเผยข้อมูล ต้องผ่านห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐานเท่านั้น และมีนักวิชาการมืออาชีพด้านต่าง ๆ ที่ได้สนับสนุนการทำงานมาโดยตลอด และยังได้มีความร่วมมือ กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. มาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีการผลักดันให้ข้าวสารถุงมีตรารับรองของ อย. คิดว่า ไม่ใช่ทางออกของปัญหาเพราะข้าวสารเป็นสินค้าทั่วไป การมีตรา อย.ไม่ได้รับประกันว่าข้าวสารไม่มีสารเคมีตกค้าง และอาจจะทำให้บริษัทขนาดเล็ก ผู้ผลิตรายย่อย ที่ดำเนินการได้มาตรฐานประสบปัญหา แต่การสุ่มตรวจอย่างมีระบบ เปิดเผย โปร่งใส มีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และสนับสนุนผู้ผลิตที่มีมาตรฐานที่แท้จริง
สำหรับข้อแนะนำให้ประชาชนดูแลชีวิตของตนเอง ด้วยการ "ล้างข้าว" สารเหล่านี้ก็จะหายไป เป็นข้อเสนอที่ไม่เพียงพอ แต่ทุกภาคส่วนต้องมุ่งมั่นดูแลประชาชนด้วยการทำให้ข้าวที่บริโภคในประเทศดีเท่าระดับการส่งออก ลดการใช้สารเคมีอย่างเป็นระบบ การใช้สารเคมีต้องไม่ตกค้างเกินมาตรฐาน และควรเป็นโอกาสเพิกถอนยกเลิกการขึ้นทะเบียนสารเคมีที่เป็นอันตราย หรือปรับปรุงสารเคมีตกค้าง เพื่อมาตรฐานปลอดภัยของการปนเปื้อนสารเคมีของไทย อย่างน้อยให้มีความใกล้เคียงกับประเทศคู่ค้า
ขณะที่ในวันนี้ (19 ก.ค.)มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค จะเข้าร่วมประชุมกับผู้ประกอบการและสมาคมผู้ค้าข้าวถุง เพื่อพัฒนาคุณภาพข้าวสารเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนี้ จะเข้าพบนายกรัฐมนตรีตามคำเชิญ โดยจะมีการเสนอกลไกสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานเข้าพบกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี