ทราบผลพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตรถทัวร์โดยสารใน 1-2 วัน
เจ้าหน้าที่มูลนิธินำผู้เสียชีวิตจำนวน 19 คน จากอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ พุ่งชนรถทัวร์โดยสาร กรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด บนถนนมิตรภาพ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่งชันสูตรศพ และเอกลักษณ์บุคคลที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากผู้เสียชีวิตบางคนถูกไฟคลอกจนจำไม่ได้ ต้องให้ญาติมายืนยันชื่อผู้เสียชีวิต ซึ่งขั้นตอนการตรวจเอกลักษณ์บุคคล แพทย์จะตรวจสอบว่าเสียชีวิตก่อน หรือหลังถูกไฟคลอกโดยตรวจสอบจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในร่างกาย กรณีที่ผู้เสียชีวิตมีประวัติการทำฟัน หรือตำหนิร่องรอยตามร่างกาย สามารถยืนยันผลได้ภายใน 1 วัน และแพทย์จะตรวจดีเอ็นเอจากบิดามารดาหรือทายาท กรณีที่ไม่มีประวัติการทำฟัน ซึ่งจะทราบผลภายใน 48 ชั่วโมง
เพื่อนของนายสาคร สวัสดิ์ผล 1 ในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นายสาคร นั่งรถทัวร์โดยสารกลับจาก จ.ร้อยเอ็ด และขณะเกิดเหตุนายสาคร พยายามโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือกับพี่สาว จากนั้นไม่สามารถติดต่อนายสาครได้อีก
สำหรับความคืบหน้าในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเตรียมเชิญนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส.ร่วมหารือถึงมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสารที่นำมาให้บริการ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันในระยะยาว ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าคนขับรถพ่วง 18 ล้อ เกิดอาการหลับใน และวิ่งข้ามฝั่งเข้ามาพุ่งชน เพราะจากการตรวจสอบพิกัด จีพีเอส ของรถทัวร์โดยสารขับมาด้วยความเร็วประมาณ 78 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าไม่เร็วมาก และไม่น่าจะมาจากความบกพร่องของรถทัวร์โดยสาร
เหตุการณ์นี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และยังคงพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแก่งคอย และโรงพยาบาลสระบุรี ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 11 คน ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 4 คน ส่วนผู้เสียชีวิตเบื้องต้นยืนยันชื่อบุคคลได้เพียง 5 คน คือ ด.ช.ฟุ้ง ชัยพอ อายุ 3 ขวบ, นายอำนาจ ชัยพอ อายุ 35 ปี, นายทศพร แสงสุทธา อายุ 29 ปี และคนขับรถทัวร์อีก 2 คน คือ นายอมรศักดิ์ อินทนพ อายุ 54 และนายชาญชัย แนบเสนา อายุ 44 ปี