หวั่นเหตุรุนแรงสร้างความแตกแยกจังหวัดชายแเดนใต้
การจากไปของครูโรงเรียนพิทักษ์วิทยากูมุง 2 คน จากเหตุระเบิดหน้าโรงพยาบาลจะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเช้า และมีผู้บาดเจ็บอีก 3คน เป็นความสูญเสียต่อเนื่องในช่วงเดือนถือศีลอด ที่หลายฝ่ายคาดหวังว่าเหตุรุนแรงจะลดลง ตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกลุ่มบีอาร์เอ็นโอออร์ดิเนต และรัฐบาลไทย เช่นเดียวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในร้านน้ำชากลางหมู่บ้านลูโบ๊ะดาโต๊ะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ที่ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามกราดยิง 8 นัด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 1 คน เมื่อคืนที่ผ่านมา
เจ้าของร้านขายน้ำชา กล่าวว่า ในหมู่บ้านไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงมาก่อน ทำให้หลายคนไม่ทันระวังตัว และปกติจะมีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านดูแล แต่ระหว่างเกิดเหตุอยู่ในช่วงละหมาดจึงไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงอาจต้องทำใจสักระยะ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกหรือไม่ และก็พยายามไม่กล้าโทษว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในเดือนรอมฎอนมีเป้าหมายตัวบุคคล และมีลักษณะของการก่อเหตุเชิงยั่วยุ ให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนต่างเชื่อ รวมถึงสร้างความเคลือบแคลงว่าเป็นฝืมือของฝ่ายรัฐ เช่นเหตุกราดยิงมัสยิดใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ด้วยปืนพกสั้น โดยไม่เจาะจงเป้าหมาย เมื่อกลางดึกวันที่ 17 กรกฎาคม การแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ขณะออกก่อเหตุ หรือการยิงรายวันตอบโต้ เมื่อเกิดเหตุรุนแรงกับคนไทยพุทธ หรือคนไทยมุสลิม ทำให้คู่สามีภรรยาทั้ง 2 ศาสนาเสียชีวิตรวม 6 คน ส่งผลให้หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องเร่งแก้ปัญหานี้
ในช่วง 15 วันของเดือนถือศีลอด เกิดความรุนแรงทั้งระเบิด และเหตุยิงรายวัน 36 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 29 คน และบาดเจ็บ 19 คน แม้ผลการสอบสวนเบื้องต้นหลายคดีพบว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ผลประโยชน์ และการเมืองท้องถิ่น แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มการดูแลเป้าหมายอ่อนแอให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ความคลุมเครือของเหตุรุนแรงสร้างรอยร้าวมากขึ้น จนกลายเป็นเชื้อไฟที่ทำให้เหตุความไม่สงบกลับมาคุโชนอีกครั้ง