นายกฯ ย้ำบังคับใช้กฎหมายเข้มจังหวัดชายแดนภาคใต้

เหตุระเบิดที่ จ.ยะลา เกิดขึ้นก่อนการประชุมทีมพูดคุยสันติสุขเพียงวันเดียว ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ด้านนายกรัฐมนตรีสั่งกำชับให้เฝ้าระวังอย่างเข้มข้น

หลังการประชุมทีมพูดคุยสันติสุข พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดเผยว่า กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังสถานการณ์ให้รัดกุมยิ่งขึ้น หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดที่ จ.ยะลา เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.2558) พร้อมระบุว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีจุดประสงค์ที่จะแสดงศักยภาพและยอมรับว่ายังคงมีช่องว่างในทางกฎหมายให้ก่อเหตุได้ จึงเตรียมบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้นและเพิ่มความร่วมมือกับทุกฝ่ายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การประชุมทีมพูดคุยสันติสุขในช่วงบ่ายวันนี้ (15 พ.ค.2558) มีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก และนายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุมด้วย

เลขาธิการ สมช. ชี้แจงว่า เป็นการประชุมตามกำหนดการเดิม ไม่ใช่การเรียกประชุมด่วนและระบุถึงข้อสังเกตกรณีผู้ก่อความไม่สงบใช้อาวุธประเภทไปป์บอมและระเบิดปิงปองนั้น คาดว่าน่าจะเกิดจากเจตนาที่จะสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายในพื้นที่เท่านั้น

สอดคล้องกับการประเมินสถานการณ์ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เชื่อว่าวัตถุระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นระเบิดขนาดเล็กและก่อเหตุระเบิดหลายจุดในเวลาเดียวกัน คาดว่ามีเจตนาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายมากกว่ามุ่งทำลายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและชี้ว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าเกิดจากเหตุความอึดอัดกรณีเจ้าหน้าที่รัฐมีมาตรการป้องกันและติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่หลายจุด จึงสร้างสถานการณ์ตอบโต้ เบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น

สำหรับกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขระหว่างไทยและมาเลเซียนั้น เป็นที่คาดการณ์ว่าจะเกิดภายในต้นเดือนมิถุนายน 2558 โดยทุกความร่วมมือเป็นไปในทิศทางที่ดีและขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมกลุ่มผู้เห็นต่างที่จะเข้ามาร่วมพูดคุยให้ครบถ้วน โดยฝ่าย สมช. เชื่อว่าผู้อำนวยความสะดวกมาเลเซียจะช่วยประสานกลุ่มต่างๆให้มากที่สุดและเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและความร่วมมือในครั้งนี้จะไม่เพียงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังรวมไปถึงการแก้ปัญหาอื่นๆด้วย ทั้งกรณีบุคคล 2 สัญชาติและการทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน