หลายหน่วยงานร่วมขุดโครงกระดูกบรรพบุรุษ พิสูจน์สิทธ์ชาวเล ราไวย์ จ.ภูเก็ต
เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ, เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ที่ 15 ยังคง ขุดหาโครงกระดูก ในพื้นที่ หมู่บ้านชาวเล ราไวย์ จ.ภูเก็ต ต่อเป็นวันที่ 2 เพื่อค้นหากระดูกบรรพบุรุษ ว่าตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์สิทธิ ในการครอบครองที่ดินหลังถูกกลุ่มนายทุน นำโฉนดมาแสดง และพยายามขับออกจากพื้นที่
ชาวบ้านชาวเล ราไวย์ จ.ภูเก็ตช่วยกันทุบพนังบ้าน เพื่อเตรียมพื้นที่ให้นักโบราณคดี จากกรมศิลปากรที่ 15 ทำการตีผัง และขุดหลุม เพื่อตรวจหาโครงกระดูกบรรพบุรุษเพิ่มเติม ซึ่งการทำงานวันนี้เป็นวันที่ 2
ในการขุดวันที่ 21 สิงหาคมนี้ กระบวนการยังเป็นเหมือนเดิมคือ ขุดหลุมที่มีความลึก ไม่ต่ำกว่า 1.50 เมตร และนำข้อมูลรูปแบบการฝังศพ ชาวเลมาคำนวน หาทิศทางใหม่ เพื่อหาโครงกระดูกตามคำร้องขอของกลุ่มชาวเล เพราะหากมีการตรวจพบโครงกระดูก และสามารถพิสูจน์ได้ว่า โครงกระดูกที่พบมีความเชื่อมโยงกับชาวเลในหมู่บ้าน ที่มีการให้เก็บดีเอ็นเอไปก่อนหน้านี้ ก็จะเป็นการพิสูจน์สิทธิในที่ดินที่อยู่มาก่อน ซึ่งกลุ่มชาวเลอ้างว่าอยู่มาตั้งแต่ปี 2497 ซึ่งเป็นปี ก่อนที่กฎหมายที่ดินจะมี และจะถือว่า เป็นหลักฐานที่ทำให้ชาวเลสามารถนำไปต่อสู้ รวมถึงโต้แย้ง กับเอกสารสิทธิที่ดินที่กลุ่มนายทุนมี และพยายามขับไล่ออกจากพื้นที่
สำหรับที่ดินที่เป็นข้อพิพาท มีประมาณ 25 ไร่ โดยทั้งหมด มีชาวเล ราไวย์อาศัยอยู่ ซึ่งชาวเลเหล่านี้แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ มอแกน มอแกลน และกลุ่มชาติพันธ์อุรักราโว้ย รวม 2,000 คน หรือ 247 ครัวเรือน