ทหารนราธิวาสวิสามัญผู้ต้องหา ป.วิอาญาใต้

ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ร่วมกับ ชุดงานสืบสวนคดีสำคัญ เข้าตรวจสอบ จุดเกิดเหตุปะทะ บริเวณเขากือเล็งต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังมีการสนธิกำลังร่วมกันของเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัย แต่ถูกเปิดฉากยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่จึงต้องยิงตอบโต้ จนเป็นเหตุให้ นายมะอีซอ ดอเลาะ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา 4 หมาย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

 

พ.ท.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผู้บัญชาการหน่วยทหารเฉพาะกิจนราธิวาส 30 เปิดเผยว่า ทหารพรานที่ 41,49 ชุดงานสืบสวนคดีสำคัญ ศชต. ได้นำกำลังจำนวน 60 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุ หลังมีการขยายผลจากผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน ที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ ทำไห้ทราบว่า กลุ่มนายมะซูปียัน ยะกูมอ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญากว่า 10 หมาย ซึ่งได้ร่วมกันก่อเหตุยิงตำรวจรือเสาะ และกบดานและพักอาศัยอยู่

 

เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมแต่ผู้ก่อเหตุไหวตัวทัน พากันหลบหนี ขึ้นเขากือเล็ง เจ้าหน้าที่จึงติดตามไล่ล่า จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันนานกว่า 1 โมง ภายหลังการปะทะจึงพบว่า มีผู้เสียชีวิต 1 คน

 

ส่วนการเสียชีวิตของ นายอธิคม ติวงค์ ครูพละ โรงเรียนประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา นางเจริญ ถนอมทรัพย์ อายุ 54 ปี และ ด.ญ.อริศรา ติวงค์อายุ 14 ปี มารดา และ บุตรสาวของผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งญาติอีก 13 คน ได้เดินไปร่วมงานศพครูอธิคมที่ จ.ปัตตานี

 

นางทองเหรียญ พีระ ป้าของครูผู้เสียชีวิต บอกว่า กลุ่มญาติได้รวบรวมเงินกันเพื่อเดินทางไปร่วมงานศพของครูอธิคม แม้จะยังไม่มีเงินเดินทางกลับแต่อยากไปไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ในช่วงที่ครูอธิคมสอบบรรจุ ได้เป็นครูอัตราจ้างที่ภาคใต้ ญาติต่างทักท้วงไม่อยากให้ไป เพราะเห็นว่าเป็นพื้นที่อันตราย แต่ครูอธิคมบอกว่า ต้องการทำเพื่อครอบครัว และ ประเทศชาติ ถ้าตายก็จะได้มีธงชาติคลุมศพถือเป็นเกียรติกับตัวเอง และวงศ์ตระกูล

 

ด้าน ด.ญ.อริศรา บุตรสาว เปิดเผยว่า รู้สึกภาคภูมิใจในตัวบิดามาก แม้จะเสียใจที่บิดาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ จึงตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบ และจะเป็นครู เพื่อสานต่อความฝันของพ่อให้สำเร็จ แต่ยอมรับว่า กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียน เนื่องจากฐานะยากจน และ ย่า คือนางเจริญ มีความพิการทางการได้ยิน แต่จะพยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด

 

สำหรับความคืบหน้าทางคดี พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ากระสุนที่ใช้ยิงนั้น เป็นชนิดเดียวกับที่ยิงนายตอเล๊ะ ปูแทน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านปูลากาชิง ต.กอลา อ.ยะรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 12เมษายน และลอบยิงนายอับดุลรอฟา ปูแทน ผู้อำนวยการโรงเรียนปฏิบัติธรรมมูลนิธิ และอดีตสมาชิกสภาจังหวัดปัตตานี เสียชีวิต เมื่อวันวันที่ 14 สิงหาคม

 

สำหรับการก่อเหตุทั้ง 3 เหตุการณ์นั้น พบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากมีการใช้ปืนและกระสุนชนิดเดียวกันลอบยิง ซึ่งเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการติดตาม และขอยืนยันว่า การกระทำความรุนแรงจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากเจ้าหน้าที่รัฐและขอทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนำไปเป็นข้ออ้างเพื่อก่อเหตุต่อไป