ประธานสภายางฯ เสนอ 2 แนวทางปัญหาแก้ปัญหายางราคาตก
วันนี้ (27 ส.ค.) นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางพาราแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ควรจะหารือแกนนำสวนยางพาราในทุกพื้นที่ก่อนที่จะดำเนินการในรูปแบบอื่น ๆ และควรช่วยเหลือชาวสวนยางพาราอย่างเร่งด่วน โดยหากเทียบเคียงกับกรณีของคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ที่กำหนดราคารับจำนำข้าว โดยข้าวนาปีอยู่ที่ตันละ 15,000 บาท ข้าวนาปรังอยู่ที่ 13,000 บาท และมีงบประมาณกว่า 270,000 ล้านบาท ขณะที่ยางพาราซึ่งได้สร้างรายได้ให้กับประเทศไม่น้อยเช่นกันโดยในปี 54 สร้างรายได้ถึง 630,000 ล้านบาท ขณะที่ข้าวสร้างรายได้อยู่ที่ 190,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องประกาศราคากลางยางพาราในตลาดหลักยางพาราทั่วประเทศทั้ง 7 แห่ง อาทิ ยะลา หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี หนองคาย บุรีรัมย์ ระยอง โดยจะเป็นราคาเดียวที่ยางแผ่นดิบ กก.ละ 92 บาท และส่วนต่างรัฐบาลก็ต้องชดเชยให้ชาวสวนยางพารา เนื่องจากรัฐบาลเคยระบุว่า ตามราคาต้นทุนการผลิตที่กำหนดไว้อยู่ที่ กก.ละ 64.45 บาท โดยชดเชย 30 % ซึ่งจะมีราคาอยู่ที่ กก.ละ 84 .45 บาท โดยหากราคายางพาราอยู่ที่ ประมาณ 70 บาท รัฐบาลก็ควรชดเชยส่วนต่างแล้วให้พ่อค้าดำเนินการขายต่อไป และหากเก็บไว้ 210,000 ตัน จะต้องเสียค่าเก็บค่าโกดัง เดือนละกว่า 20 ล้านบาทและเสี่ยงต่อความเสียหาย ซึ่งควรปล่อยขายตามกลไกลตลาดต่อไป
ประธานสภาการยางพาราแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า รัฐบาลควรที่จะเรียกแกนนำชาวสวนยางพาราทั่วประเทศเข้าหารือเพื่อกำหนดราคากลางที่รับได้ว่าควรจะอยู่ที่เท่าใด โดยเริ่มประกาศพร้อมกัน โดยแกนนำสวนยางพาราพร้อมที่จะเข้าเจรจากับรัฐบาล หลังจากที่ทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือเรียกร้องไปยังรัฐบาลแล้ว 4 ฉบับ
ทั้งนี้ ประธานสภาการยางพาราแห่งประเทศไทย เห็นด้วยกับแนวทางที่กระทรวงเกษตรฯเตรียมของบประมาณ 2,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือในเรื่องต้นทุนการผลิต และกระทรวงการคลังจะเสนองงบประมาณวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่เห็นว่าเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งได้มีการหารือกับ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯแล้วเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยชาวสวนยางต้องการแก้ไขด้านราคายางพาราในระยะเร่งด่วนเป็นหลัก หากรัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือ โดยเทียบเคียงกับข้าวได้ช่วยเหลือด้วยวงเงิน 270,000 ล้านบาท โดยยางพารารัฐบาลควรจะช่วยเหลืออยู่ที่ประมาณ 10,000 - 20,000 ล้านบาท
ขณะที่การบรรเทาความเดือดร้อนใน ของประชาชนในการเดินทางสัญจรจากการที่ผู้ชุมนุมชาวสวนยางปิดถนนใน อ.ควนหนองหงส์ และสี่แยกบ้านปูน จ.นครศรีธรรมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดควรที่จะเข้าพูดคุยกับแกนนำผู้ชุมนุมในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะมีเงื่อนไขอยู่ที่การติดตามดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 23 ส.ค.)