รวมถึงจากการหารือวานนี้ (28 ส.ค.) โดยมีนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานได้หารือกับประธานเครือข่ายชาวสวนยางทั่วประเทศซึ่งก็ได้รับความพึงพอใจในระดับหนึ่ง โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือในเรื่องของต้นทุนการผลิตเป็นจำนวนเงิน 1,260 บาทต่อไร่ โดยอยู่ที่คนละ 25 ไร่ ซึ่งเป็นข้อยุติของหารือในที่ประชุมส่วนใหญ่ได้ยอมรับและได้ออกแถลงการณ์ต่อผลการหารือดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ประชา ย้ำว่า ได้สั่งห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเด็ดขาด แต่ได้สั่งให้ตำรวจเข้าประจำในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมดูแลการชุมนุม เนื่องจากขณะนี้ได้รับข้อมูลว่า ประชาชนในพื้นที่หลายกลุ่มเริ่มไม่พอใจในการชุมนุมของชาวสวนยาง โดยต้องการให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่กลับไปชุมนุมในจังหวัดของตนเองทั้งใน จ.ตรัง สงขลา และจังหวัดอื่น ๆ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จึงต้องเข้าประจำในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียขึ้น
และวันนี้ (29 ส.ค.) ได้ขอให้ประธานแกนนำเครือข่ายชาวสวนยางทั่วประเทศเร่งกลับไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวสวนยางในพื้นที่ของตนเองอย่างเป็นทางการต่อเครือข่ายสวนยางทั่วประเทศว่า รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้วและประธานเครือข่ายส่วนใหญ่ก็ยอมรับแล้ว
ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า วันนี้ (29 ส.ค.) ภาพรวมของการชุมนุมชาวสวนยางวันที่ 7 กลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรชาวสวนยางยังคงปิดถนนที่บริเวณสี่แยกควนหนองหงส์ ซึ่งมีบางส่วนนำรถพ่วง 18 ล้อปิดทางรถไฟที่บริเวณสี่แยกบ้านตูล การชุมนุมส่งผลกระทบต่อเส้นทางรถไฟสายใต้หลายสายที่ต้องหยุดชะงัก โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่เพียงต่อขนส่งและการคมนาคมเท่านั้น แต่ยังได้ขยายวงกว้างส่งผลต่อผู้ป่วยที่จะต้องส่งรักษาต่อในโรงพยาบาลจังหวัดอื่นอีกด้วย
และในวันนี้ (29 ส.ค.) ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช 87 หมู่บ้าน จะเดินทางเข้าเจรจาขอเปิดเส้นทางกับกลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรชาวสวนยางพาราอีกครั้ง หลังเมื่อวานนี้ (28ส.ค.) ประสบความล้มเหลว โดยกลุ่มผู้ชุนนุมขอให้ประชาชน และโรงพยาบาลชะอวด ใช้เส้นทางเลี่ยงอีกหนึ่งเส้นทางแทน หากต้องเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช ขณะเดียวกัน จะเปิดเส้นทางให้เฉพาะโรงพยาบาลชะอวด ในกรณีที่ฉุกเฉินเท่านั้น นอกจากนี้ โรงเรียนบ้านควน สามารถเปิดได้ตามปกติ แต่มีการกำชับเรื่องความปลอดภัย โดยเน้นย้ำให้ผู้ปกครองรับ-ส่งนักเรียน ด้วยตนเอง ตลอดจนได้ทำความเข้าใจต่อนักเรียนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนจะยังประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ว่าจะมีการเปิด-ปิดโรงเรียนอีกหรือไม่