นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผยหลักฐานใหม่เพื่ออ้างความชอบธรรมในการใช้ปฎิบัติการณ์ทางทหารกับซีเรีย โดยระบุว่ามีหลักฐานว่า รัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ใช้แก๊สพิษซารินโจมตีสังหารหมู่ประชาชนในย่านชานกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 คน โดยหลักฐานนี้มาจากผลการตรวจตัวอย่างเส้นผมและเลือดของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่สหรัฐได้มาเอง ซึ่งแยกจากการตรวจสอบของคณะผู้ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติ
นับเป็นการอ้างหลักฐานล่าสุดของสหรัฐฯเพื่อสร้างความชอบธรรมและขอเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรสเพื่อใช้ปฎิบัติการณ์ทางทหารลงโทษรัฐบาลซีเรียที่ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน
หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ผู้นำสหรัฐฯ กลับลำให้สภาคองเกรสเป็นผู้ลงมติตัดสินว่าจะใช้ปฎิบัติการทางทหารกับซีเรียหรือไม่ ส่งผลให้การโจมตีซีเรียต้องเลื่อนไปอีกอย่างน้อย 9 วัน เพื่อรอผลการลงมติจากสภาคองเกรส ซึ่งจะเปิดสมัยการประชุมในวันจันทร์ที่ 9 ก.ย.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานจากกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรียว่า ชาวซีเรียในกรุงดามัสกัสบางส่วนรู้สึกโล่งใจที่สหรัฐฯเลื่อนการโจมตีออกไปหลังหวั่นวิตกว่าการโจมตีจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่มีความกังวัลกันว่าการเลื่อนการโจมตีของสหรัฐฯจะทำให้รัฐบาลซีเรียมีเวลาที่จะเคลื่อนย้ายอาวุธเคมีออกไป