ด้วยเหตุที่เชื่อตรงกันกับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน เสนอแนะให้รัฐบาลรับฟังและทบทวนข้อชี้แนะ พร้อมพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องและเหมาะสม ทั้งการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามข้อบัญญัติมาตรา 75 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ และการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ซึ่งต้องเป็นไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หรือ บทบัญญัติมาตรา 84 ( 5 )
ขณะที่ปลอดประสพ สุรัสวดี ในฐานประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ. ยืนยันถึงการดำเนินการที่เป็นไปตามขั้นตอนของสัญญา โดยเฉพาะการรับฟังความเห็นจากประชาชน ตามคำสั่งของศาลปกครอง ซึ่งภายใน 3 - 4 เดือนนี้ จะแล้วเสร็จในกระบวนการ พร้อมบอกว่า นายวสันต์ มีเจตนาที่จะกล่าวหาให้สังคมเกิดความสับสนในข้อเท็จจริง
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า แม้รัฐบาลไม่ได้แถลงผลการดำเนินงานต่อรัฐสภา แต่ได้ส่งรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว ส่วนการแถลงถือเป็นขั้นตอนที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะพิจารณาบรรจุเป็นวาระเอง
รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ส่วนกรณีการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว นับเป็นโครงการที่มุ่งประสงค์จะช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและเป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาไว้
ขณะที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบในการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พร้อมชี้แจงว่า การแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อรัฐสภานั้น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดเพียงข้อปฏิบัติ โดยไม่ได้กำหนดบทลงโทษไว้ จึงอาจไม่เข้าข่ายมีความผิด
นายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล ยืนยันว่า วาระการแถลงผลการดำเนินงานอยู่ระหว่างการพิจารณาบรรจุและนัดหมาย โดยรัฐบาลและรัฐสภาได้ประสานกำหนดวันแถลงผลการดำเนินงานแล้ว
การปาฐกถาในงานเสวนาเรื่อง "ระบบนิติรัฐกับทางรอดประเทศไทย" ของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) ระบุว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย กระทำการขัดรัฐธรรมนูญแล้ว 2 เรื่อง คือการไม่แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อรัฐสภาและการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว