กกต.ระบุโหวตโนไม่มีผลในทางปฏิบัติชี้พันธมิตรฯเข้าใจผิด
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ในวันนี้ว่า ยังไม่มีการรายงานเรื่องของการทุจริตเลือกตั้งเข้ามา ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุว่า ผู้ที่จะได้เป็น ส.ส.จะต้องมีผลคะแนนเลือกตั้งมากกว่าเสียงของผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนหรือโหวตโน ว่า อาจเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนของพันธมิตรฯ เนื่องจากตามกฎหมายระบุว่า จะนำหลักการคิดคะแนนโหวตโน มาใช้ในการพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อในเขตเลือกตั้งนั้น มีผู้สมัครเหลือเพียงคนเดียว ซึ่งหากเป็นผู้ที่ได้รับคะแนนน้อยกว่าร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในเขตนั้น และได้รับคะแนนน้อยกว่าเสียงโหวตโน จึงจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีเขตเลือกตั้งใดที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียว การโหวตโนจึงไม่มีผลในทางปฏิบัติ
นอกจากนี้นายวิสุทธิ์ ระบุว่า การประชุม กกต.ในวันนี้ ยังไม่มีการพิจารณาการให้ใบแดงผู้สมัคร ส.ส.จ.ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ เนื่องจาก กกต.มีเรื่องต้องพิจารณาจำนวนมาก ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจึงต้องรอการพิจารณาไปตามลำดับขั้นตอน โดยคาดว่า จะมีการนัดประชุม กกต.อีกครั้งในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคมนี้
สำหรับกรณีที่มีผู้พบเห็นหีบบัตรเลือกตั้งในห้องขังของโรงพักใน จ.ลพบุรี ก่อนที่จะมีการนำหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าไปเก็บไว้นั้น นายวิสุทธิ์ ชี้แจงว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หีบบัตรดังกล่าวไม่ใช่หีบของการเลือกตั้งทั่วไปในครั้งนี้ แต่เป็นหีบของการเลือกตั้งท้องถิ่นที่นำมาฝากเก็บไว้เท่านั้น แต่ก็ควรทำรายงานแจ้งมายัง กกต.ด้วย ทั้งนี้ในส่วนของเขตพญาไท ที่มีประชาชนออกมากาบัตรนอกคูหา นายวิสุทธิ์ชี้แจงว่าเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ อย่างไรก็ตาม แต่ก็ยังต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
นอกจากนี้ นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญายังไม่มีคำสั่งอนุญาตให้ นายจุตพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคมว่า ส่วนตัวไม่ขอแสดงความคิดเห็น เนื่องจากยังไม่มีการหารือในที่ประชุมวันนี้ แต่ตามหลักกฎหมาย หากไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็สามารถแจ้งข้อขัดข้องในการไม่ไปลงคะแนนได้ ก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน และไม่จำเป็นต้องไปด้วยตนเอง เนื่องจากสามารถมอบอำนาจหรือส่งหนังสือแจ้งทางไปรษณีย์ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ นายทะเบียนเป็นผู้พิจารณา
ส่วนกรณีปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดน่านซึ่งอาจกระทบต่อการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคมนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีรายงานเข้ามาในที่ประชุมว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน 4 อำเภอเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เหลือเพียง 1 อำเภอเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ท่วมทั้งอำเภอ แต่ทราบว่าฝนได้หยุดตกแล้ว จึงไม่น่าจะเกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งในสถานที่เดิมได้หรือไม่
สำหรับกรณีที่ศาลฎีกามีคำสั่งตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากได้แสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จนั้น นายวิสุทธิ์ ระบุว่า เป็นอำนาจของผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งที่จะยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อถอนชื่อออกจากการเป็นผู้สมัคร