รมว.สาธารณสุขเตรียมยื่นอุทธรณ์ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่
หลังเอกชนยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้ทุเลาคำสั่งการบังคับตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการแสดงรูปภาพ ข้อความคำเตือนเกี่ยวกับพิษภัยและช่องทางติดต่อเพื่อการเลิกยาสูบในฉลากบุหรี่ซิกาแรต พ.ศ.2556 และศาลได้มีคำสั่งให้ชะลอประกาศดังกล่าวออกไป ในวันนี้(16 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุข จะยื่นอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดอย่างเร่งด่วนในวันนี้ (16 ก.ย.) จะยื่นอุทธรณ์ใน 2 ประเด็น คือ ขอให้ศาลอนุญาตให้ผู้ประกอบการบุหรี่ใช้รูปภาพข้อความคำเตือนฯ 10 ภาพชุดใหม่ได้ตามกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดในประกาศกระทรวงฯคือวันที่ 2 ตุลาคม 2556 เนื่องจากการจัดพิมพ์ภาพคำเตือนชุดใหม่ บริษัทบุหรี่ เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการปรับปรุงกระบวนการผลิตน้อยมาก และขอให้ศาลอนุญาตให้มีการดำเนินการจัดพิมพ์รูปภาพข้อความคำเตือนฯ ขนาดร้อยละ 85
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า เหตุผลที่สำคัญที่ต้องยื่นอุทธรณ์โดยเร่งด่วนต่อศาลปกครอง เนื่องจากขณะนี้มีผู้ประกอบการบุหรี่ซิกาแรตอย่างน้อย 9 บริษัท ได้ปรับกระบวนการผลิต และดำเนินการกระบวนการผลิตบุหรี่ซิกาแรตตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯฉบับใหม่แล้ว นับตั้งแต่รับทราบกฎหมาย ภายหลังจากมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556 ซึ่งเป็นผลให้ขณะนี้หลายบริษัทได้ผลิตบุหรี่ซิกาแรตที่แสดงภาพคำเตือนชุดใหม่ ขนาดร้อยละ 85 ของพื้นที่ซองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอย่างน้อย 2 บริษัทใน 9 บริษัทได้ดำเนินการขนส่งสินค้าทางเรือมายังประเทศไทยแล้ว
ดังนั้น เมื่อมีคำสั่งศาลปกครองฯให้ทุเลาการบังคับกฎ คือประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯจึงเป็นอุปสรรคที่สำคัญ และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการจำหน่ายสินค้าบุหรี่ซิกาแรตในประเทศไทยจะหยุดชะงักทันที ทั้งๆ ที่ 9 บริษัท ดังกล่าวมีเจตนาสุจริตตั้งแต่ต้นที่จะปฏิบัติการตามกฎหมาย
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขอยากชี้แจงให้ศาลฯ รวมทั้งภาคประชาชนเข้าใจว่ารูปภาพคำเตือนพิษภัยบุหรี่ที่ใช้มา 2 ปี มีความล้าสมัยจะต้องมีการปรับปรุงตามสภาพสังคมปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความยับยั้งชั่งใจ หรือเกรงกลัวที่จะสูบบุหรี่ จะต้องดำเนินการต่อเนื่อง จึงขอทุกภาคส่วนช่วยรณรงค์ในเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ หากยอมแพ้ในเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อในเรื่องของการสูบบุหรี่ จะถือว่าเป็นการยอมแพ้ต่อสังคมสื่ออบายมุขด้วย