ส.ส.ประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกต
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า เหตุเผาข้าวสารที่บรรจุในกระสอบ อ.ต.ก. กว่า 1,300 ตัน ที่จ.พิษณุโลก อาจมีการทุจริตในลักษณะเวียนเทียนข้าว ขณะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์ ชี้แจ้งเหตุไฟไหม้ข้าวสารเกิดจากอุบัติการจัดเก็บข้าวที่แห้งมากจนระอุและเกิดไฟไหม้
ลูกจ้างของโกดัง บริษัทเกษตรไพศาลธัญกิจ ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกอ้างว่า รับซื้อข้าวจาก อ.ต.ก และเผาข้าวทิ้งหลังโกดัง กว่า 1,300 ตัน ได้เก็บซากข้าวสารออกออกไปทั้งหมด เหลือเพียงเมล็ดข้าวบางส่วนที่ถูกไฟไหม้กองอยู่กับกระสอบบรรจุข้าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า กระสอบข้าวถูกกรีดกลางกระสอบเพื่อนำข้าวออกมาแทนการเปิดปากกระสอบ วิธีการดังกล่าวนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า อาจมีการทุจริตในลักษณะเวียนเทียนข้าว ส่วนเจ้าของบริษัทเกษตรไพศาลธัญกิจซึ่งถูกกล่าวอ้างว่า เป็นผู้ซื้อข้าวจาก อ.ต.ก. และเผาข้าวทั้งหมดทิ้งได้เดินทางไปประเทศออสเตรเลีย และจะเดินทางกลับวันที่ 24 กันยายน
ขณะที่นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะกำกับฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ระบุว่า ปัญหาการเผาข้าว เป็นอุบัติเหตุจากการเก็บรักษาข้าว และบริหารจัดการข้าวของบริษัทเกษตรไพศาลธัญกิจ เนื่องจากข้าวในโกดังเปียกชื้นจากน้ำท่วมเมื่อปี 2554 เมื่อข้าวแห้ง เกิดก๊าซจนระอุเป็นเพลิงไหม้ ทำให้เจ้าของโกดังขนย้ายข้าวออกจากโกดัง โดยไม่ได้รับอนุญาติเพื่อป้องกันความเสียหาย ไม่มีเจตนาทำลาย
ส่วนข้าวในโกดังทั้งหมดกว่า 13,400 ตัน เป็นข้าวที่กรมการค้าต่างประเทศขายให้บริษัทดังกล่าวในรูปของสัญญารัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับรัฐวิสาหกิจของจีน และได้รับเงินครบถ้วนแล้ว แต่ยังเหลือข้าวที่ยังไม่ส่งมอบอีกกว่า 460 ตัน จึงไม่เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของรัฐบาล
ขณะที่เดียวกัน ได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเอาผิดรวมทั้งเยียวยาชาวนาที่อาจได้รับผลกระทบ และให้รายงานผลใน 2 สัปดาห์ และได้สั่งพักงานหัวหน้าคลังสินค้าพิษณุโลกเพื่อรอผลพิสูจน์ ส่วนบริษัทดังกล่าวยังไม่ขึ้นบัญชีดำ
ส่วนนายแพทย์วรงค์ เห็นว่า คำชี้แจงของกระทรวงพาณิชย์ กรณีข้าวสารที่ถูกเผา โดยอ้างว่า เกิดการระอุจนติดไฟ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากพื้นที่ภาคเหนือฝนตกหนักและที่ผ่านมาการเก็บข้าวสารในโกดังกลางแล้วเกิดไฟไหม้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่หากเป็นข้าวเปลือกหรือแกลบอาจเกิดไฟไหม้ได้ และจะไปยื่นหนังสือร้องเรียนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงและดำเนินคดีผู้กระทำผิด ภายในสัปดาห์นี้