<"">
โธมัส บัค ประธานครกรรมการโอลิมปิกสากลหรือไอโอซี ยังคงให้ความสำคัญเรื่องการใช้สารกระตุ้น ซึ่งขณะนี้กำลังมีการพิจารณาเพิ่มบทลงโทษสำหรับนักกีฬาที่พบว่าใช้สารกระตุ้น
2 สัปดาห์หลังจากนาย โธมัส บัค วัย 59 ปี เข้ามารับตำแหน่งประธานไอโอซีแทน ฌาร์ค ร็อก อดีตนักกีฬาฟันดาบชาวเยอรมนีคนนี้กลายเป็นเป็นนักกีฬาคนแรกที่ได้รับตำแหน่งสูงสุดในวงการกีฬาโลก
การก้าวขึ้นมาเป็นประธานไอโอซีของโทมัส บัค ด็อกเตอร์ ณัฐ อินทรปาน ฐานะคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี เนมเบอร์ เปิดเผยว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงในวงการกีฬาแน่นอน เพราะนอกจาก โธมัส บัค จะสานงานต่อจาก ฌักส์ ร๊อกส์ แล้ว เขาน่าจะสร้างความเข้มข้นและเอาจริงเอาจัง กับเรื่องการใช้สารต้องห้าม หรือการโด๊ปของนักกีฬา และน่าจะปรับเปลี่ยนบทลงโทษให้หนักขึ้นกว่าเดิม
โธมัส บัค เข้ามาเป็นสมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ตั้งแต่ปี 1991 ตลอดระยะเวลา 14 ปี เขาเคยดำรงตำแหน่งรองประธานไอโอซี 3 สมัย นอกจากนี้ยังได้ทำงานด้านกฎหมายอีกด้วย
เหตุผลหนึ่งที่โธมัส บัค ให้ความสำคัญกับเรื่องสารต้องห้าม เพราะเขาเองก็มีความคุ้นเคยกับงานด้านนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเคยทำงานกับฝ่ายแพทย์ของไอโอซี ที่มีส่วนสำคัญในการต่อต้านการใช้สารกระตุ้นในวงการกีฬาโลก
การใช้สารต้องห้ามของนักกีฬาดังเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าจะมีฝ่ายตรวจสอบและจับได้ในภายหลังซึ่งมีนักกีฬาหลายประเภทเช่นจักรยาน ยกน้ำหนัก และโดยเฉพาะนักกรีฑาที่พบได้บ่อย ล่าสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาไทสันเกย์ อดีตแชมป์โลก และ อาซาฟา พาวว์ อดีตเจ้าของสถิติโลก 100 เมตร ก็ถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้น ขณะที่ทั้งคู่ยังต้องรอลุ้นบทลงโทษ แต่สำหรับเวโรนิก้า แคมป์เบลล์ แชมป์โลก 200 เมตรหญิงชาวจาไมก้าถูกลงโทษแบนไปแล้วเป็นเวลา 2 ปี