กรมชลฯ เตือน ปชช.ท้ายเขื่อนป่าสักฯ เตรียมรับน้ำท่วม หลังปล่อยน้ำเพื่อรองรับ “หวู่ติ๊บ”
ชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ร่วมกับทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ช่วยกันบรรจุทรายใส่กระสอบทรายยักษ์ (บิ๊กแบ๊ค) ก่อนจะนำไปทำแนวกำแพงป้องกันกระแสน้ำ จากแม่น้ำวังทองที่หลากเข้าท่วมพื้นที่ หมู่ 14 บ้านวังฉำฉา และหมู่ 2 บ้านวังพิกุล ซึ่งหลังจากเสริมบิ๊กแบ๊คแล้ว ทำให้ระดับน้ำลดลงเกือบ 1 เมตร แต่ชาวบ้านในพื้นที่ ก็ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำเหนือจากเครือข่ายเฝ้าระวังแม่น้ำวังทองอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับที่ จ.เพชรบูรณ์ หลังน้ำป่าจากเทือกเขาค้อไหลหลากลงแม่น้ำป่าสัก จนระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และ เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 1,000 หลัง ใน อ.วิเชียรบุรี และ อ.เมืองเพชรบูรณ์ ล่าสุด แม้ว่าเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ฝนจะหยุดแล้ว แต่ประชาชนยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง
ขณะที่พื้นที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถนนบางสายมีน้ำท่วม บางจุดท่วมสูงถึง 1 เมตร ทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ โดยเฉพาะบริเวณ ถนนพัทยาสาย 3 พัทยาเหนือ, ถนนสุขุมวิท ทั้งฝั่งขาเข้าขาออก, บริเวณหน้าสถานีตำรวจทางหลวงพัทยา ไปจนถึงใต้สะพานลอยปากทางเข้าถนนพัทยาใต้ นอกจากนี้ ในตัวเมืองพัทยาตามซอยต่างๆ ยังมีน้ำท่วมอีกหลายจุด ทำให้การจราจรเกิดติดขัด จนเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง น้ำที่ท่วมอยู่ได้ลดระดับลงจนเข้าสู่สภาวะปกติ
ขณะที่บริเวณถนนเลียบชายหาดพัทยา เกิดปัญหาน้ำท่วมขังตลอดสาย ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากทางเมืองพัทยา ได้ทำการปรับปรุงถนนแนวชายหาดทั้งสาย และไม่มีการเปิดร่องระบายน้ำที่ไหลมาตามซอยต่างๆ จึงทำให้เกิดน้ำท่วมขังสะสม และมีกลิ่นเหม็น
ขณะที่ ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ได้เร่งระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เพื่อเตรียมรับผลกระทบจากพายุ “หวู่ติ๊บ” เนื่องจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเขื่อนป่าสักอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 30 กันยายน เขื่อนป่าสักระบายน้ำปริมาณ 27.67 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 8 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะเดียวกัน การระบายน้ำดังกล่าว ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักในพื้นที่ จ.สระบุรี เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 65 เซนติเมตร ส่วนเขต อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นประมาณ 90 เซนติเมตรถึง 1.10 เมตร จากระดับน้ำปัจจุบัน
สำหรับฝนที่ตกหนัก รวมทั้งน้ำเหนือในแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้พื้นที่ อ.บางบาล และ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำสูงขึ้นกว่า 1 เมตร ซึ่งน้ำดังกล่าวจะไหลไปยังโครงการผักไห่ต่อไป