ผลงานเข้าชิงออสการ์ภาษาต่างประเทศปี 2014
เรื่องราวของ 3 หนุ่มที่ต้องการหลีกหนีชีวิตที่เหลือมล้ำของสังคมใน Zinda Bhaag หนักตลกของปากีสถาน กลายเป็นผลงานประวัติศาสตร์ที่ทางการปากีสถานตัดสินใจส่งเข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ถือเป็นสัญลักษณ์การฟื้นฟูอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในชาติหลังตกอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มตอลิบานมาหลายปี เช่นเดียวกับ Bad Destiny ตัวแทนของประเทศเกิดใหม่อย่างมอนเตเนโกร หรือ Wadjda หนังของซาอุดิอาระเบีย ประเทศซึ่งมีกฏหมายห้ามฉายภาพยนตร์ ก็สะท้อนการเติบโตของวงการภาพยนตร์ในชาติด้วยการถูกเลือกเป็นตัวแทนชิงออสการ์เป็นครั้งแรกของทั้งสองชาติในปีนี้
ความสำเร็จ Amour และ A Separation 2 ผลงานที่คว้าออสการ์หลังสร้างกระแสจากการคว้าชัยในเวทียุโรป ทำให้ปีนี้มีหนังดังจากเทศกาลในยุโรปถูกเลือกเป็นตัวแทนของหลายชาติ ทั้งเจ้าของหมีทองคำปีล่าสุดอย่าง Child's Pose หนังวิพากษ์กระบวนการยุติธรรมของโรมาเนีย Gabrielle ตัวแทนของแคนาดาที่เคยสร้างความฮือฮาในเทศกาลภาพยนตร์ในเมืองลูกาโน่ สวิสเซอร์แลนด์ อิหร่านเลือก The Past ผลงานตีแผ่ความสัมพันธ์ในครอบครัวเรื่องล่าสุดของ อัสการ์ ฟาราดี ผู้คว้าออสการ์จาก A Separation ส่วนฝรั่งเศสเลือก Renoir ชีวประวัติจิตรกรดังเข้าชิงแทน Blue is the Warmest Color เจ้าของปาล์มทองคำที่ขาดสิทธิ์เข้าชิงเพราะออกฉายไม่ทันกำหนด
ปีนี้มีหนังตัวแทนจากอาเซียนส่งผลงานเข้าชิงเพียง 4 ชาติ หลังทำสถิติส่งเข้าชิงถึง 7 ชาติเมื่อปีก่อน โดยไทยเลือก เคาท์ดาวน์ ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ใช้หลักคำสอนเรื่องศีล 5 ของพุทธศาสนาเป็นหัวใจของการเล่าเรื่อง, ฟิลิปปินส์ส่ง Transit หนังที่เล่าถึงชีวิตของคนต่างด้าว รวมถึง 2 ผลงานที่คว้ารางวัลในเทศกาลเมืองคานส์ ทั้ง Ilo Ilo เจ้าของรางวัล Camera d'Or จากสิงคโปร์ และ The Missing Picture เจ้าของรางวัล Un Certain Regard ของกัมพูชา โดยปีนี้มีชาติตะวันตกเสนอชื่อหนังที่ใช้ภาษาในอาเซียนเป็นตัวแทนชิงออสการ์ถึง 2 เรื่อง ทั้ง Metro Manila หนังภาษาตากาล็อกเป็นตัวแทนของสหราชอาณาจักร ส่วนออสเตรเลียเลือก บั้งไฟ หนังภาษาลาวที่ได้ เทพ โพธิ์งาม นักแสดงชาวไทยรับบทนำ เป็นตัวแทนชิงออสการ์ปีนี้
ปีนี้ออสการ์มีการเปลี่ยนกฏให้สมาชิกทุกคนสามารถโหวตเลือกผู้ชนะในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศได้ จากเดิมที่สงวนสิทธิ์เฉพาะสมาชิกที่ได้ชมหนัง 5 เรื่องสุดท้ายครบทุกเรื่อง ในรอบฉายที่ออสการ์จัดขึ้นเท่านั้น โดยเปลี่ยนเป็นการส่งดีวีดีที่เข้าชิงไปยังที่บ้านของสมาชิกทั้ง 6,000 คน แต่การเปิดกว้างดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่าจะสร้างคะแนนโหวตจากสมาชิกที่ไม่ได้สนใจหนังอย่างแท้จริง