ฝรั่งเศสเปิดตัวแผ่นบันทึกเสียงคุณภาพสูง Pure Audio
ไม่ว่าจะเป็นความไพเราะอมตะของ A Night At The Opera มาสเตอร์พิชของวง Queen หรืองานร่วมสมัยอย่าง Back To Black อัลบั้มชุดสุดท้ายของ เอมี ไวน์เฮาส์ นักร้องสาวผู้ล่วงลับ คือหนึ่งในอัลบั้มเพลง 200 ชุดที่ทาง Universal Music เตรียมจัดจำหน่ายทั่วโลกผ่านนวัตกรรมใหม่อย่าง High Fidelity Pure Audio สื่อบันทึกเสียงบนแผ่นบลูเรย์ ที่ผู้ผลิตยืนยันว่าให้คุณภาพเสียงเช่นเดียวกับที่ศิลปินต้องการให้ได้ยิน จริงๆ เพราะสามารถเก็บข้อมูลเสียงได้สูงกว่าออดิโอซีดีถึงกว่า 4 เท่า ทั้งในระบบ PCM
โดยต้นปี 2556 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตลาดแผ่น Pure Audio ในประเทศฝรั่งเศส โดยอัลบั้มทั้ง 35 ชุดสามารถทำยอดขายรวมกันถึง 500,000 ชุด ชุดที่จำหน่ายได้สูงสุดอย่าง Monkey Me ของนักร้องสาวฝรั่งเศส ไมลีน ฟาร์เมอร์ ทำยอดขายแผ่น Pure Audio ได้ถึง 84,000 ชุด มากพอที่จะส่งให้อัลบั้มนี้สามารถติดท็อปเทนชาร์ตของอังกฤษ
ความพยายามในการจัดจำหน่ายแผ่นบันทึกเสียงคุณภาพสูงเคยล้มเหลวมาแล้วเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เมื่อแผ่นบันทึกเสียงระดับไฮเอนด์ทั้ง DVD-Audio และ Super Audio CD ไม่ได้รับความนิยม เมื่อแฟนเพลงปัจจุบันหันไปฟังเพลงผ่านไฟล์คุณภาพต่ำอย่างเอ็มพี 3 ที่พกพาได้สะดวกมากกว่า โดย โอลิเวียร์ โรเบิร์ต เมอร์ฟีย์ หันหน้าฝ่ายธุรกิจใหม่ของ Universal มองว่า Pure Audio มีโอกาสมากกว่าแผ่น SACD เพราะสามารถเล่นผ่านเครื่องเล่นแผ่นบลูเรย์ทั่วไปได้ ซึ่งการที่วันนี้แผ่นเสียงกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่ายังมีแฟนเพลงอีกมากที่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพเสียง และเชื่อว่าแผ่น Pure Audio น่าจะได้รับความนิยมในอนาคต