ศาลแขวงพระนครเหนือ ตัดสินจำคุกคดี
เมื่อ 2 วันก่อน เกิดเหตุรถยนต์เข้าไปขับบนรางรถไฟ แล้วล้อรถไปติดกับราง ทำให้รถไฟที่กำลังจะไปรับผู้โดยสารที่หัวตะเข้ ต้องจอดรอรถคันดังกล่าวเคลื่อนย้ายนานเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ได้คิดค่าปรับการที่รถจอดกีดขวางการจราจร เป็นเงินกว่า 85,000 บาท
หลังเกิดเหตุตำรวจนครบาลมักกะสันก็ได้คุมตัวคนขับไปวัดแอลกอฮอล์ และพบว่ามีมากถึง 148 มิลลิกรัม ล่าสุดเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) พนักงานสอบสวนส่งตัวคนขับ ฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว ในข้อหาเมาแล้วขับ โดยศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ 24 ชั่วโมง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้ามืดวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา รถเก๋งฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี ป้ายแดง ซึ่งมีนายกรกฎ รักวงศ์ภัทร อายุ 24 ปี เป็นผู้ขับรถเข้ามาบนทางรถไฟสายตะวันออก เลียบถนนกำแพงเพชร 7 ช่วงระหว่างแยกโรงปูน กับสถานีรถไฟคลองตัน เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร แล้วล้อติดกับรางรถไฟ ทำให้รถไม่สามารถเคลื่อนที่ออกได้ ทำให้รถไฟขบวนที่ 379 วิ่งระหว่าง กรุงเทพมหานคร ถึง หัวตะเข้ ซึ่งเป็นรถเปล่าที่เตรียมไปรับผู้โดยสารเข้ากรุงเทพมหานคร ต้องจอดรออยู่ที่สถานีรถไฟคลองตัน เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยที่กลุ่มเพื่อนที่โดยสารมาด้วยต้องช่วยกันถอยรถออกทำให้ยางรถแตกไป 1 เส้น
ด้านการรถไฟแห่งประเทศไทย มีข้อกำหนดปรับสำหรับผู้ที่ทำให้รถไฟเกิดความล่าช้านาทีละ 800 บาท โดยจะนับตั้งแต่รถไฟมาจอดรอที่สถานีคลองตัน รวม 107 นาที ที่การรถไฟฯ จะต้องเรียกเก็บค่าปรับจากผู้ขับขี่รถ เป็นเงิน 85,600 บาท และหากรางรถไฟชำรุดก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมรางอีกด้วย
ตำรวจนครบาลมักกะสัน ควบคุมตัวนายกรกฎ มาตรวจวัดแอลกอฮอล์ในร่างกาย และพบว่ามีสูงถึง 148 มิลลิกรัมเปอร์เซน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหา ขับรถในขณะเมาสุรา ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และขับขี่รถยนต์ทะเบียนป้ายแดงในเวลากลางคืน สั่งปรับ 1,500 บาท
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาให้จำคุก 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี ให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และบริการสังคมอีก 24 ชั่วโมง