นาฎศิลป์คือชีวิต
ฝากฝีมือนาฏศิลป์ไว้ในละครไทยมานับไม่ถ้วน จนกลายเป็นภาพจำของ รชนีกร พันธุ์มณี กับบทบาทนางรำในจอแก้ว แม้วันนี้จะไม่ได้แสดงความสามารถด้านการรำในละครแล้ว แต่ยังนำวิชานาฏศิลป์มาใช้ในบทบาทอื่นอยู่เสมอ
15 ปีแล้วที่ไม่ได้รำ "มโนราบูชายัญ" นาฎศิลป์ไทยที่เคยใช้แสดงความสามารถบนเวทีมิสทีนไทยแลนด์ เมื่อปี 2534 ประทับใจกรรมการ จนคว้ารางวัลชนะเลิศ กลับมารำคราวนี้เลยต้องปัดฝุ่นฝีมือฝึกซ้อมให้การแสดงเปิดงานโรงเรียนในฐานะตัวแทนผู้ปกครองออกมาสมบูรณ์แบบ การเติบโตมาในครอบครัวนาฎศิลป์เริ่มฝึกรำในวัยเพียงไม่กี่ขวบ พัฒนาฝีมือสู่นาฎศิลป์ชั้นสูง ก้าวสู่การเป็นครูสอนตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี แม้ผ่านมาเกือบ 30 ปี และไม่ค่อยได้แสดงทักษะที่ฝึกฝนมาเหมือนในอดีต แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความชำนาญและท่วงท่าที่อ่อนช้อยสวยงามลดลง
แม้จะห่ายหายไปหลายสิบปี แต่เมื่อกลับมารำอีกครั้งก็ยังคงสวยงาม ซึ่งทักษะนาฏศิลป์ไทย ทั้งการเล่นตาและสีหน้า ก็ล้วนแล้วแต่เป็นทักษะสำคัญที่ทำให้คุณต้อม รชนีกร ก้าวสู่วงการบันเทิง
การเล่นหูเล่นตาสีหน้าและท่วงท่าที่เคลื่อนไหวอย่างอ่อนหวานของ "สา" เมื่อร่ายรำเป็นเสน่ห์ทำให้ท่านชายตกหลุมรัก ฉากสำคัญของ "อีสา - ระวีช่วงโชติ" ละครดังปี 2541 คือภาพจำของนางเอก รชนีกร พันธุ์มณี ที่ภายหลังยังฝากฝีมือนาฏศิลป์ไว้ในละครแทบทุกเรื่อง ไม่เพียงเป็นใบเบิกทางสู่วงการละคร หากยังเป็นทักษะพื้นฐานให้ ต้อม รชนีกร พัฒนาฝีมือด้านการแสดงได้ไม่ยาก นาฎศิลป์จึงไม่ใช่เพียงความสามารถพิเศษที่ติดตัวมา หากเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตที่ทำให้เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งได้ก้าวสู่การเป็นนางเอก
ไม่ได้เรียนจบนาฏศิลป์ หากเพียงเรียนรู้จากครอบครัว คุ้นเคยและคลุกคลีอยู่ในวงการนาฏศิลป์ไทยมาตลอดชีวิต สอนศิษย์ทั้งในและนอกวงการมานับไม่ถ้วน ในวันนี้ที่นาฏศิลป์ไทยเริ่มไร้พื้นที่แสดงออก คนรุ่นใหม่สนใจน้อยลงมาก ขณะที่ระบบการศึกษาสายสามัญก็ไม่ได้สนับสนุนมากนัก ในฐานะคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในคุณค่าและประโยชน์ของนาฏศิลป์ อดีตนางเอกวัย 42 ปี ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ศิลปะไทยแขนงนี้ อาจหายไปจากสังคมไทยในไม่ช้า