การเติบโตของตลาดแผ่นเสียงในอังกฤษ

เอกลักษณ์ของดนตรีฟังค์ และดิสโก ใน Random Access Memories อัลบั้มแห่งปี 2013 ของ Daft Punk ดูโอสุดดังของฝรั่งเศส นอกจากจะทำให้แนวดนตรีที่เคยโด่งดังในยุค 70 กลับมานิยมอีกครั้ง ยังมีส่วนกระตุ้นการฟังดนตรีในแบบดั้งเดิมอย่างการฟังจากแผ่นเสียงอีกครั้ง เมื่ออัลบั้มชุดนี้ใช้เวลาเพียง 4 เดือนทำลายสถิติยอดขายแผ่นเสียงตลอดกาลของเว็บไซต์อะเมซอนในอังกฤษได้สำเร็จ แซงหน้าผลงานดังของนักร้องแถวหน้าทั้ง อาเดล และ เอมี ไวน์เฮาส์ 

 

ความสำเร็จของ Random Access Memories คือสิ่งยืนยันการเติบโตของวงการแผ่นเสียงในอังกฤษ ซึ่งปีนี้ทำยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 2 เท่า และคาดว่าจะทำยอดจำหน่ายเกิน 700,000 ชุดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีนี้ คิดเป็นรายได้ถึง 576 ล้านบาท 

 

การกลับมาเป็นที่นิยมของแผ่นเสียง ยังเป็นโอกาสอยู่รอดของ Vinyl Factory บริษัทผู้ผลิตแผ่นเสียงในอังกฤษที่เปิดทำการมาตั้งแต่ยุคแผ่นซีดีครองตลาดจนถึงยุคสื่อดิจิตอล กลายเป็นทางเลือกหลักของแฟนเพลงในวันนี้ โดย บ็อบ ไบลีย์ ที่ปรึกษาของ Vinyl Factory ยอมรับว่าเมื่อ 20 ปีมีแต่คนแนะนำให้เขาหางานใหม่ เพราะแผ่นซีดีจะทำให้คนไม่ฟังแผ่นเสียงอีก ซึ่งแต่เดิมคิดว่าบริษัทจะเปิดกิจการต่อไปได้สัก 15 ปี แต่วันนี้ธุรกิจของพวกเขายังคงอยู่ได้ จากสถิติที่เผยว่าแฟนเพลงอังกฤษในปัจจุบันหันมาซื้อแผ่นเสียงกันถึงสัปดาห์ละ 15,000 ชุดเลยทีเดียว 

 

ความนิยมที่กลับมาทำให้ศิลปินหลายรายนำผลงานเก่าๆ กลับมาผลิตซ้ำในรูปแบบของแผ่นเสียง ตลอดจนวงรุ่นใหม่อย่าง Arctic Monkeys และ The Killers ก็มองว่าการออกแผ่นเสียงเป็นการยกระดับตนเองให้มีมนต์ขลังเหมือนวงร็อกรุ่นใหญ่ ผู้เคยสร้างตำนานจากการออกแผ่นเสียงที่กลายเป็นของสะสมที่แฟนเพลงตามหาในวันนี้ 

 

ทุกวันเสาร์ที่ 3 เดือนเมษายนของทุกปี หลายแห่งในโลกจะมีการจัดงานวันร้านแผ่นเสียง ที่ศิลปินจะร่วมใจกันออกแผ่นเสียงชุดพิเศษเพื่อจำหน่ายในวันนั้นโดยเฉพาะ ซึ่งในอังกฤษวันร้านแผ่นเสียงสามารถทำเงินได้เกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีผู้ซื้อถึงร้อยละ 3.7 ที่สะสมแผ่นเสียง ทั้งๆ ที่ไม่มีเครื่องเล่นไว้ในบ้าน ซึ่งสิ่งดึงดูดใจพวกเขามาจากการออกแบบหน้าปกที่สวยงาม, ข้อมูลอันน่าสนใจในสมุดโน้ต และหากมีโอกาสได้เปิดกับเครื่องเสียงดีๆ ก็จะได้ฟังเสียงอันเป็นเอกลักษณ์แบบอนาล็อก ซึ่งพบได้ยากในสื่อดนตรียุคใหม่