พื้นที่ภัยพิบัติ
แม้ว่าความช่วยเหลือจากนานาชาติจะเริ่มเข้าถึงพื้นที่ภัยพิบัติพายุในฟิลิปปินส์ แต่ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับสิ่งบรรเทาทุกข์ และต้องอยู่อย่างหวาดผวา โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ซึ่งมีการปล้นสะดม ท่ามกลางความวิตกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต
สถานการณ์ในพื้นที่ภัยพิบัติพายุของฟิลิปปินส์เลวร้ายลงทุกขณะ โดยเฉพาะเมืองทาโคลบัน หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ชาวเมืองต้องอยู่อย่างสิ้นหวัง ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และที่อยู่อาศัย ท่ามกลางศพผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมากที่อยู่ในสภาพเน่าเปื่อย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และอาจเกิดโรคระบาดร้ายแรงตามมา
ขณะที่การเคลื่อนย้ายศพไปฝั่งที่หลุมศพขนาดใหญ่ต้องยกเลิกกลางคันเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) หลังสมาชิกกลุ่มติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์ยิงปืนข่มขู่ และเกิดการปล้มสะดมในหลายพื้นที่ ผู้รอดขีวิตต่างไปออกันที่สนามบินเพื่อขอที่นั่งบนเครื่องบินหนีตายออกจากเมืองที่อยู่ในสภาพพังพินาศ และไร้ขื่อแปร
ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอีกอย่างน้อย 8 คน ในเมืองอะลันกาลัง (Alangalang) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองทาโคลบันประมาณ 17 กิโลเมตร เมื่อกำแพงโกดังเก็บข้าวของรัฐบาลพังถล่มทับชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่บุกเข้าไปในโกดัง
อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยในชีวิตของผู้ประสบภัยเป็นสิ่งที่น่าวิตกที่สุดในขณะนี้ และสถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แม้ว่าทางการฟิลิปปินส์จะระดมกำลังตำรวจและทหารเข้ามารักษาความสงบ แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูกฎระเบียบขึ้นได้
ขณะที่นานาชาติยังคงเร่งให้ความช่วยเหลือฟิลิปปินส์ โดยกองทัพสหรัฐได้เข้ามาตั้งศูนย์กระจายความช่วยเหลือที่ฐานทัพในเมืองเซบู เช่นเดียวกับกองทัพอากาศของออสเตรเลียที่ระดมกำลังเข้ามาในเมืองเซบูเพื่อเตรียมส่งอุปกรณ์จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเข้าไปในเมืองทาโคลบัน ขณะที่โครงการอาหารโลก (WFP) ได้เริ่มแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ประสบภัยในเมืองทาโคลบัน ส่วนองค์การกาชาดของเยอรมนีก็กำลังเร่งจัดสิ่งบรรเทาทุกข์เข้ามา นอกจากนี้กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนของฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบินลำเลียงเวชภัณฑ์ 8 ลำ เดินทางจากคลังเก็บเวชภัณฑ์ในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยี่ยมมุ่งหน้าสู่พื้นที่ภัยพิบัติของฟิลิปปินส์แล้ว
ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตอยู่ 2,344 คน ได้รับบาดเจ็บกว่า 3,000 คน และยังสูญหายไปอีก 79 คน โดยตัวเลขผู้ชีวิตน้อยกว่าที่คาดกันไว้ในตอนแรกว่าอาจจะสูงถึง 10,000 คน