อารยะขัดขืนวันสุดท้าย กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
การชุมนุมคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วยมาตรการที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกว่าอารยะขัดขืน วันนี้ (15 พ.ย.) ถือเป็นวันสุดท้ายของการใช้มาตราการนี้กับภาคธุรกิจเอกชน ก่อนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำหลักจะขอมติที่ชุมนุมเพื่อประกาศมาตรการกดดันรัฐบาลเพิ่มเติมในเวลา 20.00 น.โดยการชุมนุมวันนี้ (15 พ.ย.) มีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางเข้ามามากกว่า 2 วันที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด การที่แกนนำแจ้งว่ามีการประสานมาจากหน่วยงาน องค์กร ชุมชนต่างๆ ที่มาพร้อมกันจากทั้งในกรุงเทพฯ และในพื้นที่ต่างจังหวัด
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกการชุมนุมยืนยันเป้าหมายของการชุมนุมคือการขอให้รัฐบาลทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หายไปจากสารบบของสภา โดยใช้แนวทางอารยะขัดขืนซึ่งเป็นแนวทางสันติวิธี พร้อมตอบโต้ขอกล่าวหาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่กล่าวหาว่ามีการ เตรียมการให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ชุมนุม โดยเห็นว่าเป็นการพยายามให้ข่าวเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้ามาชุมนุม โดยเฉพาะเมื่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่วันนี้แล้วได้ยืนยันว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ โดยไม่มีข้อท้วงติงใดๆ จากคณะกรรมการสิทธิ์
ส่วนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เคลื่อนขบวนไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อกดดัน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ให้ลาออก โดยกล่าวหาว่า นายธาริต มุ่งทำงานสนองตอบเฉพาะคำสั่งของรัฐบาล จากนั้นเครือข่าย คปท.ได้เคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้กำลังใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำลังจะอ่านคำพิพากษาการยื่นฟ้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา และคดีการเสียบบัตรแทนกันในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้
ด้านศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ประเมินว่าอาจจะมีการยกระดับการชุมนุมในคืนนี้ (15 พ.ย.) และคาดว่าจะมีการเคลื่อนขบวนหลายจุดโดยใช้มวลชนจากต่างจังหวัดเป็นมวลชนหลัก โดยจะจับตาสถานการณ์ในวันที่ 20 พฤศจิกายนเป็นพิเศษ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำพิพากษากรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว.