พายุไซโคลน
อิตาลีเป็นอีกประเทศที่ต้องเผชิญภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรงหลังพายุไซโคลน "คลีโอพัตรา" ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนพัดถล่มเกาะซาร์ดิเนีย (Sardina) ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คนและได้รับผลกระทบอีกถึง 20,000 คน
สภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นบนเกาะซาร์ดิเนียของอิตาลี หลังถูกพายุไซโคลน "คลีโอพัตรา" ซึ่งก่อตัวขึ้นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียพัดถล่ม ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน โดยฝนที่ตกหนักติดต่อกันตลอดทั้งวัน วัดปริมาณน้ำฝนได้ถึง 440 มิลลิเมตร มากกว่าปริมาณน้ำฝนที่ตกเฉลี่ยตลอดทั้งปีในอิตาลีเกือบครึ่งหนึ่ง ฝนที่ตกหนัก ทำให้น้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อท้นไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนหลายร้อยหลัง กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากยังสร้างความเสียหายให้กับสะพานและทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่น มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน ได้รับผลกระทบอีกราว 20,00 คน และยังสูญหายไปอีกหลายคน
รัฐบาลอิตาลีต้องประกาศภาวะฉุกเฉินบนเกาะซาร์ดิเนียเพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือจากส่วนกลางเข้าถึงพื้นที่ภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ทหารและหน่วยกู้ภัยต้องระดมกำลังช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในที่ลุ่ม ซึ่งยากต่อการเข้าถึง
มีรายงานว่า เมืองท่าออลเบีย (Olbia) ซึ่งเป็นแหล่งตากอากาศที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูร้อน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังเมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้น้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วม ชาวเมืองต้องอพยพหนีน้่ำไปอยู่กันตามโรงแรมและสนานกีฬา
นายกรัฐมนตรีเอ็นริโก้ เลตต้า ผู้นำอิตาลี แถลงกับผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้่นการประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรี ให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะจัดสรรงบฉุกเฉินเป็นเงิน 27 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 864 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุ นายกรัฐมนตรีเลตต้ายังกล่าวถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นว่า เป็นเหตุการณ์ที่เหนือการคาดคิด ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวบ้านในพื้่นที่ว่าไม่ได้รับการแจ้งเตือนที่มากพอถึงความรุนแรงของพายุ