ชาวบ้านใน อ.วังน้ำเขียว-ปักธงชัย ร้อง กกต.ให้นับคะแนนเลือกตั้งใหม่ 
ชาวบ้านในอำเภอปักธงชัย และวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมาที่สนับสนุนนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เขต 12 ชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอปักธงชัยเพื่อเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ โดยให้ กกต.จังหวัดนครราชสีมา และ กกต.กลาง ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งในอำเภอปักธงชัย และ อำเภอวังน้ำเขียว
โดยชาวบ้านกลุ่มนี้ อ้างว่า พบความผิดปกติในการนับคะแนนจึงทำให้เชื่อว่า อาจมีความไม่โปร่งใส เช่น การขานคะแนนของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งผิดพลาด เกิดไฟฟ้าดับหลายครั้งในหน่วยนับคะแนนในอำเภอวังน้ำเขียว และที่ผ่านมาเป็นที่รู้กันดีว่า มีการแจกเงินซื้อเสียง และ มีติดสินบนผู้นำชุมชนด้วยเงินหลักแสนบาท จนทำให้ผู้สมัครที่ชาวบ้านกลุ่มนี้ให้การสนับสนุนแพ้การเลือกตั้งจากพรรคคู่แข่งเพียง 700 คะแนน
โดยพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า มีการนำเงินเข้าในพื้นที่เพื่อซื้อเสียงมากที่สุดในประเทศที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมหัวหัวคะแนน ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดมหาสารคาม เขต 1 ของพรรคการเมืองหนึ่ง ขณะเตรียมนำเงินสด 400,000 บาทไปซื้อเสียงจากชาวบ้าน และ อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี อีก 3 คน พร้อมเตรียมเชิญผู้สมัคร ส.ส.ที่ถูกกล่าวหา ไปให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อสรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการพิจารณาการเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองแก่ผู้สมัครที่มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน 10 วัน
นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครบางคนร้องเรียนการซื้อเสียงในหลายจังหวัด เช่น ชัยภูมิ นครราชสีมา และ อุบลราชธานี ซึ่ง กกต.ประจำจังหวัดกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้ กกต.กลางพิจารณา
ส่วนกรณีการจ่ายเงินซื้อเสียงในจังหวัดศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ที่มีหลักฐานชัดเจน และคาดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางจะพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงภายใน 15 วัน
ขณะที่กรุงเทพมหานครผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยชุมนุนหน้าสำนักงานเขตบางบอน เรียกร้องให้นับคะแนนในเขตเลือกที่ 28 ใหม่ โดยอ้างว่ามีจำนวนบัตรเสียมากผิดปกติ และขอคำชี้แจงเกี่ยวกับการวินิจฉัยบัตรเสียของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง โดยยืนยันจะปักหลักชุมนุมจนกว่าจะได้รับคำชี้แจง
ด้านคณะกรรมการการเลือกตั้งได้แถลงรับรองผลคะแนนการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการแล้ว โดยพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดรวมว่าที่ ส.ส.ทั้ง 2 ระบบ 265 ที่นั่ง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นอันดับสองที่ 159 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทยได้ 34 ที่นั่ง พรรคชาติไทยพัฒนา 19 ที่นั่ง พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 7 ที่นั่ง พรรคพลังชล 7 ที่นั่ง พรรครักประเทศไทยได้ว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเพียงอย่างเดียว 4 ที่นั่ง พรรคมาตุภูมิ 2 ที่นั่ง พรรครักษ์สันติ 1 ที่นั่ง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 ที่นั่ง และพรรคมหาชน 1 ที่นั่ง
โดย กกต.เตรียมพิจารณารับรองการเป็น ส.ส.ในแต่ละเขตภายใน 7 วัน ตามกฎหมายเลือกตั้งคาดว่าจะทยอยรับรองผลในพื้นที่ที่ไม่มีการร้องเรียนได้ก่อนวันที่ 12 ก.ค. และ มีเรื่องร้องเรียนเข้าไปยัง กกต.รวม 207 เรื่อง
