ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"โคทม" เชื่อเวทีกลางหาทางออกประเทศ ช่วยคลี่คลายสถานการณ์การเมือง

การเมือง
13 ธ.ค. 56
03:55
92
Logo Thai PBS
"โคทม" เชื่อเวทีกลางหาทางออกประเทศ ช่วยคลี่คลายสถานการณ์การเมือง

ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล เชื่อการจัดเวทีหาทางออกให้กับประเทศจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองได้ โดยการเชิญทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออกและนำไปสู่สัญญาประชาคมใหม่ พร้อมแนะให้ยึดแนวทางตามรัฐธรรมนูญด้วยการเลือกตั้งและนำไปสู่การจัดตั้ง ส.ส.ร.เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปประเทศต่อไป

วันนี้ (13 ธ.ค.56) รศ.ดร.โคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวว่า การที่หลายภาคส่วนจัดเวทีหาทางออกให้กับประเทศไทยในขณะนี้ถือว่าเป็นแนวทางที่ดีซึ่งจะช่วยให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย แต่ควรมองให้กว้างกว่าการแบ่งข้างเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งการจัดเวทีเมื่อเริ่มจาก 2 ฝ่าย ต่อไปควรจะเพิ่มความหลากหลายด้วยการเพิ่มการรับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย ทั้ง ทหาร เอกชน ภาคประชาสังคม และสุดท้ายควรขมวดให้เป็นหนึ่งเดียวซึ่งมาจากความเห็นที่พอใจและยอมรับของทุกฝ่ายจนเกิดเป็นสัญญาประชาคมใหม่ หรือ เป็นค่านิยมร่วมของสังคม ก็จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยสามารถเดินหน้าต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม เวทีการพูดคุยครั้งนี้เป็นส่วนของเนื้อหาในการปฏิรูปแต่ในขั้นต่อไปก็คือ  การตั้งโจทย์และวิธีแก้ไข ซึ่งสุดท้ายจะต้องมีกระบวนอันเป็นที่ยอมรับอาทิ การตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งในหลายฝ่ายควรเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการดังกล่าวในท้ายที่สุด

รศ.ดร.โคทม ยังมองว่า ความเสี่ยงทางการเมืองในขณะนี้ยังคงมีอยู่ แต่ขอเสนอให้ทุกฝ่ายยึดแนวทางตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งแม้ว่าบางกลุ่มต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงบางส่วนของรัฐธรรมนูญฉบับนี้แต่ก็ต้องยึดและใช้รัฐธรรมนูญเป็นแนวทางซึ่งจะช่วยแก้ไขความเสี่ยงและลดการเผชิญหน้าในขณะนี้ได้ ด้วยการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 หลังจากที่ได้มีการยุบสภา และการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ ในขณะนี้ยังคงสามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่ควรที่จะขัดขวางการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการก่อให้เกิดการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและอยากให้เคารพสิทธิของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้

 
ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ยังมองว่า การจัดเวทีหาทางออกประเทศของกองทัพไทย ถือว่าเป็นบทบาทใหม่ของกองทัพ ที่มีความน่าสนใจเนื่องจากมีความระมัดระวังและไม่ได้แสดงบทบาทในเชิงเลือกข้าง แยกขั้ว ซึ่งจะต้องดูต่อไปว่าบทบาทนี้จะส่งผลต่อไปอย่างไร


ข่าวที่เกี่ยวข้อง