กปปส.ปฏิเสธแนวทางตั้งสภาปฏิรูปของรัฐบาล
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.แถลงถึงการตั้งสภาปฏิรูปประเทศที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แถลงให้ทุกฝ่ายเข้าร่วม โดยยืนยันว่าแนวทางการตั้งสภาปฏิรูปตามรูปแบบที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เสนอ ไม่ตรงกับแนวทางการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งของ กปปส.พร้อมวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตุถึงแนวทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไว้หลายประเด็นคือ สภาปฏิรูปที่รัฐบาลจะตั้งขึ้นเป็นสภาที่จะไม่มีอำนาจทางกฎหมายต่างจากสภาประชาชนของ กปปส.ที่จะใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และเมื่อไม่มีอำนาจสภาปฏิรูปจึงอาจตกอยู่ภายใต้การครอบงำของฝ่ายการเมือง ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน
อีกทั้งยังมีการต้องข้อสังเกตุถึงแนวทางในการตั้งสภาปฏิรูป ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งอาจมีประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อควบคุมอำนาจองค์กรการตรวจสอบอย่างวุฒิสภา หรือองค์กรอิสระได้ รวมทั้งมีข้อสังเกตุถึงการตั้งคณะทำงานซึ่งมีองค์กรภาคเอกชนอยู่ด้วยอาจเป็นการบีบบังคับให้องค์กรอย่างสภาหอการค้าไทย หรือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้ามาร่วมแนวทางของรัฐบาลด้วย ดังนั้น กปปส.จึงไม่ตอบรับแนวทางนี้ และยังคงเรียกร้องตามจุดยืนเดิมคือการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง โดยยืนยันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออกจากการทำหน้าที่รักษาการเพื่อเปิดทางให้มีคนกลางตั้งสภาประชาชนมาทำหน้าที่ปฏิรูป โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ส่วนสถานการณ์ที่อาคารกีฬาเวศน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นำโดยรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งตัดสินใจออกจากพื้นที่ตัวอาคารก่อนเวลา หลังเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) มาชุมนุมล้อมรอบตัวอาคาร และพยายามผลักดันเข้าไปภายในตัวอาคารตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (25 ธ.ค.) เพื่อแสดงจุดยืนไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ ประธาน คปท.เดินนำของ กกต.ออกจากอาคารกีฬาเวศน์ ด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาท่ามกลางเสียงโห่ร้องของมวลชนทำให้การ์ดของ คปท.ต้องป้องกันอย่างเข้มงวด โดยล่าสุด คปท.ออกจากศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น(ดินแดง) กลับไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว และจะกลับมาที่อาคารกีฬาเวศน์อีกครั้งในเวลา 06.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. เพื่อไม่ให้มีการจับสลากเลขหมายของผู้สมัครได้
ขณะที่นายเอกนัฏ โฆษก กปปส.ไม่กล่าวถึงการชุมนุมของ คปท.ในวันนี้ (25 ธ.ค.) หลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำมวลชนกลับมาเมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.) โดยกล่าวเพียงว่าเป็นเสรีภาพของแต่ละกลุ่มที่จะใช้สิทธิในการแสดงออกในการชุมนุม