ผู้สนับสนุน ปธน.ซีเรียบุกสถานทูตสหรัฐฯ-ฝรั่งเศส
นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อาสซาด ของซีเรียหมดสิ้นแล้วซึ่งความชอบธรรมทั้งมวลในฐานะความเป็นรัฐบาลของซีเรีย หลังจากผู้สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อาสซาด ของซีเรีย บุกเข้าพังสถานทูตสหรัฐและฝรั่งเศสในกรุงดามัสกัสรวมทั้งทำร้ายเจ้าหน้าที่ โดยจากกรณีนี้และต่อไปนี้ สหรัฐฯจะมาดหมายแต่เรื่องที่ว่ารัฐบาลซีเรียจะต้องขึ้นมามีอำนาจด้วยความยินยอมพร้อมใจของประชาชน
นอกจากนี้นางฮิลลารี่ยังประกาศด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดนี้ประธานาธิบดีบาชาร์หารอดพ้นความรับผิดตามกฏหมายระหว่างประเทศเรื่องความคุ้มกันทางการทูตไปไม่ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความคุ้มกันและเอกสิทธิ์ทางการทูตกำหนดว่ารัฐผู้รับจะต้องให้ความคุ้มครองและปกป้องทั้งสถานที่และบุคลากรทางการทูตของรัฐผู้ส่งอย่างพอเพียง โดยขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนในกรณีฝรั่งเศส รัฐบาลก็ได้เคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน
ทั้งนี้ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์โกรธแค้นที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอกอัครราชทูตสหรัฐฯและฝรั่งเศสเดินทางไปดูสถานที่ในเมืองฮามา ซึ่งเกิดการลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ และประธานาธิบดีบาชาร์ตอบโต้ด้วยมาตรการกวาดล้างแบบปิดเมืองปราบ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายสิบคน นอกจากนั้นยังมีการบุกค้นบ้านเรือนประชาชนทุกหลัง รวมทั้งการจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นศัตรูต่อรัฐบาลไปเป็นจำนวนมาก
สำหรับการบุกเข้าพังสถานทูตสหรัฐและฝรั่งเศสครั้งนี้ ยังรวมถึงการบุกรุกที่พักของเอกอัครราชทูต โดยผู้สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ได้ชักธงซีเรียขึ้นสู่ยอดเสา ตีกระจกแตกเสียหาย เขียนข้อความบนกำแพงว่าเอกอัครราชทูตสหรัฐฯเป็นสุนัข นอกจากนี้ยังมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายคน ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศสแถลงว่าสภาพการจลาจลดำเนินไปถึง 3 ชั่วโมงโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของซีเรียเข้าห้ามปราม และเจ้าหน้าที่ภายในสถานทูตต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้าไล่ผู้บุกรุก