วันนี้ (11 ก.พ.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องที่ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.2559) ส่งผลให้มีผู้โดยสารประมาณ 3,000 คนใน 10 เที่ยวบินไม่ได้ตรวจสอบประวัติ เพราะการตรวจสอบข้อมูลจะต้องตรวจสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะกักตัวไว้ได้
นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยานและรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่มากับเครื่องบินเช่าเหมาลำ และเป็นนักท่องเที่ยวที่มากับคณะทัวร์มีทางบริษัททัวร์รับรอง จึงไม่น่าจะเกิดปัญหาในเชิงความปลอดภัย สำหรับปัญหาดังกล่าวเกิดจากระบบสำรองไฟฟ้าขัดข้องและสามารถสำรองไฟฟ้าได้เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น รวมทั้งไม่มีระบบที่ใช้สำรองฉุกเฉินรองรับเพิ่มเติม ซึ่งโดยปกติทั่วไปจำเป็นต้องมี
ทั้งนี้ ในอนาคตจึงจะต้องทำการตรวจสอบระบบไฟทั้งหมด และมีผู้รับผิดชอบในการดูแลระบบดังกล่าวในส่วนกลางที่อาจจะต้องมีการจ้างเข้ามาในส่วนนี้ รวมถึงจะต้องมีการพิจารณาตรวจสอบในท่าอากาศยานอื่นๆ ที่มีผู้โดยสารจำนวนมากที่มีสายการบินภายในประเทศ และสายการบินระหว่างประเทศใช้บริการ เพิ่มเติมด้วย เนื่องจากในอนาคตจะมีผู้โดยสารใช้บริการมากขึ้น เช่น ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่, ท่าอากาศยานนานาชาติอุดร ธานี และท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
สำหรับโครงการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่มีกำหนดจะมาตรวจสอบประเทศไทยในปี 2560 คาดว่ายังไม่น่าจะเข้ามาตรวจสอบในปี 2560 ได้ และในการเข้ามาตรวจสอบต้องลงนามร่วมกับทาง ICAO ก่อน โดยหลังจากนั้นจะต้องมีการกำหนดร่วมกันว่าจะมีการตรวจสอบในประเด็นอะไรบ้าง และจะเข้ามาตรวจสอบเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการเตรียมตัวเกี่ยวกับมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในสนามบินให้มีความพร้อมก่อนเข้ารับการตรวจสอบอยู่แล้ว