รัฐบาลฟิจิประกาศภาวะฉุกเฉินด้านภัยพิบัติเป็นเวลา 30 วัน เพื่อรับมือหลังพายุไซโคลนวินสตันสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้รัฐบาลยังสั่งขยายระยะเวลาห้ามไม่ให้ประชาชนออกจากเคหะสถานในยามวิกาล (เคอร์ฟิว) ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ.) พร้อมทั้งให้อำนาจตำรวจจับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายได้ทันทีโดยไม่ต้องมีหมายจับ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังสั่งระงับการเรียนการสอนในโรงเรียนทั่วประเทศ 1 สัปดาห์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ปฏิบัติการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ล่าสุด เจ้าหน้าที่รัฐบาลและกาชาดเปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิตจากพายุไซโคลนเพิ่มขึ้นเป็น 5 คนแล้ว ขณะที่ตำรวจและทหารเร่งกระจายกำลังออกช่วยเหลือผู้ประสบภัย เนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากหรืออาจเกิดเหตุดินถล่มซ้ำ ขณะที่ระบบไฟฟ้า น้ำประปาและระบบการติดต่อสื่อสาร ได้รับความเสียหายจากพายุ ทำให้ความช่วยเหลือดำเนินไปอย่างล่าช้า
เจ้าหน้าที่ประเมินว่า มีประชาชนอย่างน้อยร้อยละ 80 ของประชากรทั้งประเทศที่มีอยู่ 900,000 คน ขาดแคลนกระแสไฟฟ้าในขณะนี้ แต่สนามบินหลักยังเปิดให้บริการ เนื่องจากรัฐบาลฟิจิต้องการรับความช่วยเหลือจากนานาชาติเป็นหลัก ขณะที่สายการบินของฟิจิ รวมทั้งสายการบินเวอร์จิน ออสเตรเลีย และ เจทสตาร์ ประกาศระงับเที่ยวบินทั้งหมด
นางจูลี บิชอป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ประกาศส่งเครื่องบินพี-3 โอไรออน เข้าไปให้ความช่วยเหลือรัฐบาลฟิจิแล้ว เนื่องจากมีชาวออสเตรเลียลงทะเบียนพำนักอยู่ในฟิจิประมาณ 1,200 คน นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวอีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์นานาชาติหลายแห่งเตือนว่า ฟิจิอาจจะเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุข ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการขาดแคลนไฟฟ้า บ้านจำนวนมากพังเสียหาย เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ทำให้ประชาชนต้องไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว 758 แห่ง ขณะที่นักท่องเที่ยวต้องตกค้างอยู่ตามโรงแรมต่างๆ
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่า ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในฟิจิประมาณ 20 คน ปลอดภัยดี
ตามที่พายุไซโคลนระดับ5 Winston ได้พัดผ่านประเทศฟิจิ นั้น สอท. ณ กรุงแคนเบอร์รา ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าคนไทยพำนักในฟิจิทั้ง 20คน ปลอดภัยดี
— กระทรวงการต่างประเทศ (@MFAThai) February 21, 2016