ความรักต้องห้ามระหว่าง ฉ่าน นางเงือกสาวที่ถูกส่งมาสังหารมนุษย์ผู้ทำลายระบบนิเวศ และหลิวฉวน เพลย์บอยหนุ่ม เจ้าของโครงการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ที่ทำให้ชาวเงือกล้มตายและย้ายถิ่นฐานไปมากมาย คือความสนุกสนานใน The Mermaid ผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของ โจวซิงฉือ ดาวตลกคนดังของฮ่องกงที่กลายเป็นภาพยนตร์รายได้สูงสุดตลอดกาลในเมืองจีน ด้วยการเป็นหนังเรื่องแรกที่กวาดเงินทะลุหลัก 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการทำเงินแซงหน้าแชมป์เก่าด้วยการออกฉายเพียง 12 วันเท่านั้น
The Mermaid ยังเป็นที่นิยมของแฟนหนังชาวจีนโพ้นทะเลในหลายๆ ชาติของอาเซียน ทั้งการครองแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศใน มาเลเซีย และเวียดนาม ครองอันดับ 2 ในสิงคโปร์ และเตรียมจะลงโรงฉายในไทยและฟิลิปปินส์ช่วงเดือน เม.ย.นี้
โหเทา ประธานของ EntGroup บริษัทวิจัยผลประกอบการในวงการบันเทิงแดนมังกร ชี้ว่าความสำเร็จของ The Mermaid ประกอบด้วยปัจจัย 3 ประการ ทั้งชื่อเสียงของ โจวซิงฉือ ดาวตลกยอดนิยมของฮ่องกงและการร่วมมือจากค่ายหนังชั้นนำแดนมังกร, โปรแกรมการฉาย ซึ่งตรงกับเทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์ และการไร้หนังคู่แข่งจากฮอลลีวูด ส่วนเนื้อหาที่มีความยาวเพียง 90 นาที ทำให้หนังมีรอบฉายต่อวันมากกว่าหนังทั่วๆ ไปอีกด้วย
โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา The Mermaid ยังทำเงินอีก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการฉายแบบจำกัดโรงในสหรัฐฯ ตามนโยบายของทางการจีนที่ตั้งเป้าส่งออกหนังในประเทศ ไปฉายในตลาดภาพยนตร์ระดับสากลอย่างน้อย
เดือนละเรื่อง
แต่การประสบความสำเร็จในสหรัฐฯ อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เห็นได้จากความล้มเหลวของการฉาย Monster Hunt เจ้าของสถิติหนังจีนรายได้สูงสุดตลอดกาลเมื่อปีก่อน ที่แม้จะทำเงินในแดนมังกรได้ถึง 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การนำมาฉายในสหรัฐฯ กลับทำเงินได้เพียง 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยทำเงินเฉลี่ยต่อโรงเพียง 500 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
ที่ซึ่ง The Mermaid จะไม่ได้ไปฉายแน่ๆ คือไต้หวัน เนื่องจากไต้หวันให้โควต้าหนังจีนแผ่นดินใหญ่มาฉายเพียงปีละ 10 เรื่อง และ The Mermaid ไม่ผ่านการคัดเลือก สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนหนังไต้หวันอย่างมาก
เพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่ได้ดูหนังของ โจวซิงฉือ นั่นเอง