วันนี้ (25 ก.พ. 2559) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมการบริหารของบริษัท ชาร์ป คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น มีมติเป็นเอกฉันท์ยอมรับข้อเสนอซื้อกิจการของ นายแทร์รี กัว เจ้าของบริษัท ฟอกซ์คอนน์ อินเตอร์เนชันแนลโฮลดิงส์ จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหญ่ที่สุดในโลก ของประเทศไต้หวัน
โดยบริษัทฟอกซ์คอนน์จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 65.9 หรือคิดเป็นมูลค่า 4.89 แสนล้านเยน หรือมากกว่า 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวมหนี้สินของบริษัทชาร์ป คอร์ปอเรชัน เข้าไปด้วย มูลค่าหุ้นจะเพิ่มเป็น 7 แสนล้านเยน หรือประมาณ 2.25 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ การเข้ารับซื้อกิจการของฟอกซ์คอนน์ ทำให้หุ้นบริษัทชาร์ปร่วงลงมาถึงร้อยละ 15 เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อการเข้าซื้อกิจการ จนทำให้ราคาหุ้นของบริษัทชาร์ป ลดต่ำลง
ขณะที่ นักวิเคราะห์มองว่า ข้อตกลงในครั้งนี้ส่งผลดีต่อทุกฝ่าย เพราะบริษัทชาร์ปมีจุดแข็งด้านการวิจัยและพัฒนา ในขณะที่บริษัทฟอกซ์คอนน์มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและทำการตลาด ทำให้ในอนาคตบริษัทจะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ทั้ง 2 บริษัท ได้ร่วมงานกันผลิตจอภาพขนาดใหญ่ รวมถึงจอโทรทัศน์ และยังเปิดโรงงานเพื่อร่วมผลิตจอแอลซีดีในประเทศญี่ปุ่นมานานหลายปีแล้ว
ด้าน รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังวิตกข้อตกลงที่เกิดขึ้น เนื่องจากชาร์ป คอร์ปอเรชัน กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งแรกของญี่ปุ่นที่ถูกต่างชาติเข้าซื้อกิจการ โดยผลประกอบการช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมา บริษัทชาร์ปขาดทุนมากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 32,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างองค์กรและ ความต้องการหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ลดลง