วันนี้ (26 ก.พ.2559) การเลือกตั้งประธานฟีฟ่าคนใหม่ ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งหมด 207 ชาติ ครั้งนี้ จะไม่มีคูเวตและอินโดนีเซียที่ถูกแบน สำหรับตัวเต็งอย่างชีค ซัลมาน ประธานเอเอฟซี และจิอันนี อินฟานติโน ประเมินแล้วคะแนนเสียงยังคงสูสี ชีค ซัลมาน ประธานเอเอฟซี คาดว่าจะได้รับเสียงส่วนใหญ่จาก 2 ทวีป คือ แอฟริกา 54 เสียง และเอเชีย 46 เสียง
จิอันนี อินฟานติโน เลขาธิการยูฟ่า คาดว่าน่าจะได้แรงหนุนจากทวีปยุโรป 53 เสียง ทวีปอเมริกาใต้ 10 เสียง โซนคอนคาเคฟ 35 คะแนนโอเชียเนีย 11 คะแนน มั่นใจว่าเขาจะได้รับคะแนนอย่างน้อย 105 คะแนน แต่การชนะในรอบแรกต้องได้ 108 คะแนน ซึ่งฐานเสียงของทั้ง 2 คนถือว่าสูสี และคงต้องสู้กันหลายรอบ โดยก่อนหน้านี้มีการถกเถียงกันเรื่องคูหาการลงคะแนน ซึ่งเจ้าชายอาลี บิน อัลฮุสเซน และนายเชอโรม แชมเปญ พยายามร้องต่อศาลกีฬาโลกเพื่อให้เปลี่ยนเป็นคูหาแบบโปร่งใส แต่ศาลปฎิเสธการร้องขอไปแล้ว จึงต้องลงคะแนนในคูหาแบบเดิม
จากเสียงทั้งหมด 207 คะแนน การโหวตลับในครั้งแรกใครได้คะแนน 2 ใน 3 หรือ 138 เคะแนน จะชนะทันที แต่หากครั้งแรกไม่มีใครได้คะแนน 2 ใน 3 ต้องเลือกรอบ 2 ใหม่ ซึ่งหากใครได้คะแนนเสียงเกินครึ่งจะชนะ หากยังไม่มีผู้ชนะต้องเลือกต่อในรอบต่อไป ซึ่งผู้ที่ได้คะแนนน้อยที่สุดจะถูกตัดออกและหาผู้ชนะจนกว่าจะที่ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง
เหตุที่ต้องมีการเลือกประธานฟีฟ่าใหม่ทั้งที่เพิ่งเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2558 เนื่องจากฟีฟ่าเจอวิกฤตคอร์รัปชั่น ซึ่งทำให้ผู้บริหารระดับสูงหลายคนถูกจับกุมตัวก่อนวันเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ทั้งจากปัญหาคอร์รัปชั่นและการเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ที่ไม่โปร่งใส หลังจากเซ็ป แบล็ตเตอร์ ชนะการเลือกตั้ง 4 วัน เขาประกาศไม่ลงสมัครอีก แต่สุดท้ายแบลตเตอร์ และพลาตินี โดนตรวจสอบกรณีมีการโอนเงินจำนวน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 70 ล้านบาทโดยไม่มีหลักฐานจนนำไปสู่การถูกลงโทษแบนถึง 6 ปี
ขณะเดียวกันก่อนมีการจัดเลือกตั้ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้พบกับชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาลิฟา ประธานเอเอฟซี หนึ่งในตัวเต็งที่กำลังลุ้นตำแหน่งประธานฟีฟ่า ซึ่งนอกจากชีค ซัลมาน จะเข้ามาแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.สมยศ แล้ว ยังให้คำมั่นในการสนับสนุนการทำงานของสมาคมฟุตบอลไทยอย่างเต็มที่ ส่วนการประชุมร่วมกับผู้บริหารฟีฟ่าและเอเอฟซี มีการหยิบยกเรื่องโกลโปรเจ็กต์ทั้ง 4 เฟส ที่ดำเนินการสมัยนายวรวีร์ มะกูดีเป็นนายกขึ้นมาพูดคุย ซึ่งทั้ง 4 เฟส ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้วที่ศูนย์ฝึกหนองจอก แต่พล.ต.อ.สมยศ ต้องการเริ่มโครงการโกลโปรเจกต์ใหม่ทั้งหมด นับตั้งแต่การสร้างที่ทำการใหม่ การสร้างศูนย์ฝึก จ้างบุคลากร และส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาพัฒนาทุกด้าน นอกจากนั้นฟีฟ่าพร้อมนำงบประมาณที่ค้างอยู่ออกมาใช้ในกิจการของสมาคมชุดใหม่อย่างเร่งด่วน โดยทั้ง 3 ฝ่ายจะร่วมกันเขียนแผนงาน ซึ่งทั้งฟีฟ่า และเอเอฟซีจะเดินทางมาร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารของไทยในเดือน มี.ค.นี้