วันนี้ (13 มี.ค.2559) พล.อ.ชวลิตเปิดบ้านแถลงข่าวแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ โดยก่อนการแถลงข่าวได้ยืนยันว่าการที่ออกมาแสดงความเห็นครั้งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายใด รวมทั้งนายทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ
"ผมไม่ได้ขึ้นกับใคร ไม่ได้เอาเงินใคร หรือรับคำสั่งใคร คนที่ผมเคารพก็ยังเป็นคนเดิมอยู่ คือ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถึงแม้ว่าผมจะอยากจะไปพบท่านใจจะขาดก็ไม่กล้าไป เพราะมีคนบอกว่าท่านไม่อยากพบกับนักการเมือง ซึ่งความเป็นจริงผมไม่ได้เป็นนักการเมืองเลย แต่ผมทำงานการเมืองที่่ต้องการจัดตั้งและสร้างพี่น้องประชาชนให้ลุกขึ้นมาเพื่อช่วยผู้นำประเทศแก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยตัวของเราเอง ซึ่งเป็นจุดหมายของประชาธิปไตย" พล.อ.ชวลิตกล่าว
การแถลงข่าวครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์หลังจากการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 ก.พ.2559 ซึ่ง พล.อ.ชวลิตได้เรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้ทางสายกลางสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ และให้มีการเลือกตั้งภายในปี 2559 เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าขณะนี้สังคมไทยขัดแย้งในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งๆ ที่สิ่งสำคัญที่สุดคือแก้ปัญหาความยากจน ถ้าหากแก้ปัญหาความยากจนได้ปัญหาอื่นๆ ก็จะได้รับการแก้ไขตามมาด้วย นอกจากนี้ พล.อ.ชวลิตยังได้เปิดเผยถึงแนวคิดในการจัดตั้ง "กองกำลังส่วนที่สาม" หรือ The Third Force มาขับเคลื่อนสังคมและช่วยระงับความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้ากัน
พล.อ.ชวลิตอธิบายว่าสมาชิกของกองกำลังที่สามนี้มีเป็นจำนวนนับล้านคน ป็นกลุ่มคนที่มีความคิดและความรู้ในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง มีการรวมตัวจัดตั้งกันขึ้นมา เช่น กลุ่มชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่าซึ่งมีจำนวนกว่าล้านคน คนไทยใหม่ที่อยู่ในจังหวัดริมน้ำโขงอีกหลายแสนคน ไปจนกระทั่งถึงคนยากจนที่จะลุกขึ้นมาแก้ปัญหาของตัวเอง แทนที่จะรอให้รัฐเป็นฝ่ายแก้
"เราไม่ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งอีก วันนี้เรามีทหารอยู่ซึ่งอาจจะทำผิดบ้างถูกบ้าง และต้องไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกัน แล้วคิดว่าต้องขจัดศัตรูไปให้หมด ก็จะกลับไปสู่สงครามประชาชนใหม่ การทำให้คนไทยฆ่ากันเองนั้นเลิกกันที เรายังมีเวลาที่จะแก้ไขได้" พล.อ.ชวลิตกล่าว "กองกำลังที่สามของผมมีสมาชิกมหาศาล แต่เราจะไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความขัดแย้งโดยเฉพาะระหว่างประชาชนกับผู้บริหารประเทศ"
สำหรับประเด็นเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ชวลิตแสดงความเห็นว่า รัฐธรรมนูญไม่อาจแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ และประชาธิปไตยไม่อาจสร้างได้ด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ต้องสร้างจากนโยบาย พร้อมกับย้ำว่าหลักการที่สำคัญที่สุด 2 ประการ ที่ต้องมีอยู่ในรัฐธรรมนูญคือ อำนาจอธิบไตยเป็นของปวงชนและเสรีภาพของบุคคล
พล.อ.ชวลิตยังเสนอให้นำบทเรียนจากการใช้คำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 66/23 ที่ประกาศใช้เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2523 เพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์โดยการใช้หลัก "การเมืองนำการทหาร" ในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์มาปรับใช้กับสถานการณ์ในขณะนี้ กล่าวคือ ขั้นแรกจะต้องสร้างประเทศให้เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้การปกครองเป็นของประชาชน ประชาชนจะได้ใช้การปกครองนั้นเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว และขั้นที่ 2 คือ ให้เกียรติประชาชน
"ไม่มีประเทศประชาธิปไตยไหนที่ยากจน ประเทศที่ยากจนมักเป็นประเทศเผด็จการในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง" พล.อ.ชวลิตตั้งข้อสังเกต
ส่วนกลไกพิเศษในร่างรัฐธรรมนูญช่วงเปลี่ยนผ่าน พล.อ.ชวลิต ระบุว่าสามารถทำได้ แต่ข้อเสนอ ส.ว.สรรหา ช่วงเปลี่ยนผ่าน หากเกิดขึ้นจริงจะต้องสรรหาด้วยความเป็นธรรม ไม่ใช่เพื่อเข้ามาสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
"ในห้วงเวลานี้ผมขอร้อง อย่าให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองเลย แล้วอีกไม่นานเกินรอเราจะดึงบ้านเมืองมาสู่สภาพปกติได้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างการแถลงข่าวของพลเอกชวลิตครั้งนี้ มีทหารเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระบุถึงการแถลงข่าวของ พล.อ.ชวลิต ว่า คสช.คงไม่ไปห้ามปราม เพราะเชื่อว่าบางข้อคิดเห็นอาจเป็นเรื่องดี เพราะ พล.อ.ชวลิตมีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง