วันนี้ (21 มี.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมชลประทานรายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลัก ณ วันที่ 19 มี.ค.2559 โดยเขื่อนภูมิพลเหลือปริมาตรน้ำใช้การได้ 702 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 7 ของความจุอ่าง เขื่อนสิริกิติ์เหลือปริมาตรน้ำใช้การได้ 1,307 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 20 เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเหลือปริมาตรน้ำใช้การได้ 270 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 30 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เหลือปริมาตรน้ำใช้การได้ 342 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 36 รวม 4 เขื่อน เหลือปริมาตรน้ำใช้การได้ 2,621 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ขณะที่เขื่อนอื่น เช่น เขื่อนอุบลรัตน์เหลือปริมาตรน้ำใช้การได้ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 1 เขื่อนแม่กวงอุดมธาราเหลือปริมาตรน้ำใช้การได้ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 6
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังตรวจสภาพน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ว่า ยังไม่สามารถส่งน้ำไปถึงในหลายพื้นที่ เนื่องจากมีน้ำอยู่เพียงร้อยละ 1 แต่ยังมีน้ำก้นเขื่อนสำรองอยู่กว่า 400 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยใช้การได้ถึงเดือนกรกฎาคมนี้ และจะมีการประเมินอีกครั้งหลังสิ้นเดือนเมษายน เพื่อปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับภาวะจริง
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้ง ณ 19 มีนาคม พบว่า มี 17 จังหวัด 67 อำเภอ 305 ตำบล 2,576 หมู่บ้าน เป็นจังหวัดทางภาคเหนือ 6 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด และภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก รวม 6 จังหวัด