นายชาร์ลส มิเชล นายกรัฐมนตรีเบลเยียม และนายฌองโคล้ด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ร่วมไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุจากเหตุโจมตีในครั้งนี้ ขณะที่สถานที่สำคัญ ๆ ทั่วโลก ทั้งอาคารวันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ประตูบรันเดนบูร์กในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี รวมทั้งหอไอเฟลในกรุงปารีส ร่วมแสดงความไว้อาลัยด้วยการเปิดไฟ เป็นสีดำ เหลืองและแดงซึ่งเป็นสีธงชาติเบลเยียม
ด้านสถานทูตเบลเยียมในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี และในกรุงมอสโควของรัสเซีย รวมทั้งทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษในกรุงลอนดอน ต่างลดธงลงครึ่งเสา เพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเยือนอาร์เจนตินาได้ร่วมประณามเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นว่า เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
ขณะที่รัฐบาลอิตาลีสั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารวัตรทหารลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยภายในสถานีรถไฟและสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโรม และเพิ่มระดับรักษาความปลอดภัยที่สนามบินเป็นครั้งแรก หลังจากเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีสในฝรั่งเศส เมื่อปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังได้สั่งปิดบริเวณอาคารผู้โดยสารภายในสนามบินเลโอนาร์โด ดา วินชี ฟีอูมีชีโนในกรุงโรม เป็นเวลา 10 นาที หลังจากพบกระเป๋าใบหนึ่งที่ไม่มีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของ ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดต้องเข้ามาตรวจสอบ ก่อนที่จะประกาศว่าไม่มีวัตถุระเบิดภายในกระเป๋าต้องสงสัยดังกล่าว
นายมัลคอม เทิร์นบูลล์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ประณามเหตุรุนแรงในเบลเยียม พร้อมทั้งย้ำถึงคำมั่นของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า ประชาคมโลกจะร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย โดยออสเตรเลียจะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและข่าวกรองกับนานาชาติ
ด้านนายจอห์น คีย์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าวว่า เหตุรุนแรงครั้งล่าสุดที่เบลเยียมเกิดขึ้นหลังจากเหตุโจมตีกรุงปารีสของฝรั่งเศสได้ไม่นานนัก และยอมรับว่าการหยุดยั้งผู้ก่อการร้ายทำได้ยากมาก เพราะอาจมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งหิ้วกระเป๋าเดินทางและจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายที่ไหนก็ได้ ดังนั้นทุกประเทศจะต้องร่วมมือยุติการก่อการร้ายให้ได้