พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช.ที่นำการแถลงข่าวผลการตรวจสอบในวันนี้ต้องใช้เวลาพอสมควรในการชี้แจงว่าเหตุใดการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จึงไม่พบว่ามีการจ่ายค่าหัวคิว ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่ พล.อ.อุดมเดชเคยให้สัมภาษณ์
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2558 พล.อ.อุดมเดชตอบคำถามสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลเรื่องโครงการอุทยานราชภักดิ์ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานว่ามีเซียนพระคนหนึ่งไปเรียกค่าหัวคิวจากโรงหล่อ ได้มีการแก้ปัญหาในระดับหนึ่งแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชตอบว่า "เรื่องนี้มีความจริงอยู่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมด ทุกวงการคิดว่ามีสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพอเราทราบว่าน่าจะมี เราก็เข้าไปดำเนินการและโรงหล่อต่างๆ ก็มีความเข้าใจ คนที่สอดแทรกมาก็เป็นการแอบอ้าง ต่อมาทุกอย่างก็ยุติลงไปด้วยดี"
พล.อ.ไพบูลย์กล่าววันนี้ (23 มี.ค.) ว่าคาดไว้อยู่แล้วว่าประเด็นเรื่องการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อุดมเดชจะทำให้เกิดคำถาม ซึ่งในวันที่ พล.อ.อุดมเดชพูดเรื่องค่าหัวคิวนั้น ทาง ศอตช.ยังไม่ได้ตรวจสอบในเรื่องนี้ แต่ถ้าผู้ดำเนินโครงการบอกว่ามีหัวคิว ย่อมเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ เพราะการจ่ายค่าหัวคิวเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่เมื่อ สตง.และ ป.ป.ท.ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีค่าหัวคิว จึงได้สั่งการให้ทั้ง ป.ป.ท.และ สตง.ไปสอบถาม พล.อ.อุดมเดชถึงเรื่องนี้ว่าทำไมวันนั้นถึงพูดคำนี้
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า พล.อ.อุดมเดชยอมรับว่าท่านพลาดไปเหมือนกัน เพราะไม่เข้าใจก็เลยไปใช้คำว่าหัวคิว
"ผมเรียนกับท่านว่าที่ท่านไปพูดเรื่องหัวคิวมันผิดกฎหมาย เรื่องจริงก็เรื่องหนึ่ง แต่คำพูดมันอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าท่านไม่เจตนาจะพูด ซึ่งผมทราบแล้ว เพราะทั้งป.ป.ท.และ สตง.ก็ไปสอบ พล.อ.อุดมเดช เพราะท่านเป็นคนพูดคำนี้ขึ้นมา และเราก็ทราบแล้วว่าท่านเข้าใจว่าเป็นหัวคิว ท่านก็เลยพูดไป และผู้สื่อข่าวถามด้วย เมื่อถามกันไป ตอบกันมาท่านก็หลุดไป ท่านอธิบายแบบนี้" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
นายพิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินกล่าวว่า สตง.ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดจนได้ข้อยุติหมดแล้ว แต่สิ่งที่มีประเด็นค้างคาคือยังไม่เคยไปถาม พล.อ.อุดมเดช อดีต ผบ.ทบ.ว่าที่มาของคำว่า "หัวคิว" ท่านเข้าใจอย่างไร มีจริงหรือไม่ อยากให้ท่านแสดงหลักฐานว่าหัวคิวมาจากไหน ถ้าไม่ไปสอบถามก็ไม่สมบูรณ์ แม้ว่าข้อเท็จจริงที่เราตรวจสอบมาก็มีคำตอบได้อยู่แล้ว
"เราไปพบกับ อดีต ผบ.ทบ. เพื่อตอบคำถามว่าข้อเท็จจริงเรื่องหัวคิวเป็นอย่างไร เพื่อนำมาประกอบในการดูว่าเราจะต้องหาข้อเท็จจริงอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ แต่พอได้พบแล้ว ได้สอบถามแล้วก็พบว่าข้อเท็จจริงยังคงเป็นไปตามเอกสารหลักฐานที่เราตรวจสอบมา ท่านบอกว่าเมื่อมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องหัวคิว ท่านก็ไม่ทันได้ปฏิเสธ แต่ก็ไปพูดถึงเรื่องเงินบริจาคว่าคนที่เกี่ยวข้องกับการหล่อพระได้มีการบริจาคเงิน ซึ่งดูตามหลักฐานก็ตรงกัน"