วันนี้ (5 พ.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาเรียกค่าเสียหายทางละเมิดกรณีทุจริตระบายข้าวแบบ จีทูจี ระบุว่า ได้สรุปตัวเลขความเสียหายจากการระบายข้าว รวม 4 สัญญา ประมาณ 6.02 ล้านตัน อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท และได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องรวม 6 คน คือนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดเรื่องนี้ โดยดำเนินการอย่างรอบคอบภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไม่ปล่อยให้เนิ่นนานจนเกินไป และยังได้ฝากให้ข้าราชการทุกคนถือกรณีนี้เป็นบทเรียนราคาแพง เพื่อเป็นข้อเตือนใจว่าต้องยืนข้างความถูกต้อง มีความสุจริตเที่ยงตรง และยึดหลักกฎหมายในการปฏิบัติงาน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือผู้แสวงหาผลประโยชน์จากราชการ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หรือที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
ขณะที่ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อใช้บังคับทางปกครองกับนักการเมือง และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการขายข้าวจีทูจี ให้ชดใช้ค่าเสียหาย โดยให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ จากนี้จะหารือไปยังฝ่ายกฎหมาย และทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย โดยผู้ที่ต้องชดใช้มีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาลได้ และแต่ละรายจะชดใช้ค่าเสียหายไม่เท่ากัน ขึ้นกับการเข้าไปมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน